ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องยากหรือเรื่องง่าย สิ่งที่ต้องพิจารณาคือขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้มีบัตรสองใบและให้คำนวณ ส.ส.แต่ละแบบแยกจากกัน เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้เช่นนี้ ปรากฏว่ามีการแปรญัตติไปให้ 500 หาร เป็นการคิด ส.ส.พึงมี ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้คิด ส.ส.พึงมีแล้ว และไม่จำเป็นต้องยึดโยงกัน แต่คิดบัตรใครบัตรมัน เมื่อประชาชนไปเลือก ส.ส.เขตเลือกตั้ง เขตใดได้คะแนนสูงก็ได้ไป ส่วนบัญชีรายชื่อคะแนนได้เท่าไรนำมาคิดบัญชีรายชื่อ ไม่ต้องไปยึดโยงจำนวน ส.ส.พึงมีที่ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไข
เมื่อถามว่า พรรค พท.จะลุยแก้เกมอย่างไรต่อไปหรือรอวาระ 3 ก่อน นายประเสริฐกล่าวว่า ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบวาระ 3 ของรัฐสภา จะทำคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อบันทึกและนำเสนอความเห็นประกอบไปด้วยว่าสิ่งที่รัฐสภาโหวต เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพื่อจะได้ให้หายกังขาของสังคมและประชาชนที่สงสัย เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีแค่ 100 คน ทำไมต้องเอา 500 หาร
เมื่อถามว่า กรณีที่มีข่าวออกมาว่าจะตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย จะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ประชุมพรรคเลยหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่ได้เข้า เพราะเรื่องนี้เป็นการพูดคุยกันเล่นๆ ระหว่างกลุ่ม ส.ส.
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 จะทำให้ทำงานง่ายว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเองในการสืบทอดอำนาจ การเปลี่ยนจากระบบคู่ขนานหาร 100 มาเป็นระบบสัดส่วนผสมหาร 500 จะมีปัญหาการคำนวณอย่างแน่นอน เพราะเป็นการหาร 500 แบบครึ่งบกครึ่งน้ำ ชัดเจนว่าเป็นการทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้เป็นนายกฯต่อไป นอกจากนี้ การหาร 500 น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการวางกับดักทางการเมืองไว้หรือไม่
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าการหาร 500 จะทำให้พรรค ก.ก.ได้เปรียบ นายชัยธวัชกล่าวว่า หลายฝ่ายชอบอ้างว่าพรรค ก.ก.ได้ประโยชน์จากระบบเลือกตั้งนี้เพราะเคยเสนอระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม แต่เลิกพูดได้แล้วเพราะสิ่งที่เสนอแพ้ไปแล้ว จึงเสนอกฎหมายลูกล้อไปกับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข และยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดผลประโยชน์ของใครเป็นตัวตั้ง สุดท้ายระบบการเลือกตั้งนี้จะกลายเป็นลูกผสมที่ไม่ดีกับใครเลย