20 ก.ค.2565 – จากกรณี การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระด่วน คือ พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ แถลงญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนหนึ่ง “รัฐบาลชุดนี้ คือรัฐบาล 608 ไร้ความรู้ไร้ความสามารถ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มิหนำซ้ำอมโรคป่วย และหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรไปจากสภาแห่งนี้ได้แล้ว อย่าอยู่เป็น 608ทำลายประเทศต่อไป “
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอบโต้ ว่า “ที่กล่าวหาว่ารัฐบาล 608 เราต้องให้เกียรติกลุ่ม 608 เขาด้วย เขาเป็นผู้สูงอายุ ผู้เสี่ยงของการติดโรค โดยเฉพาะสุขภาพ ที่เราต้องดูแลเขา”
ในขณะที่ โลกโซเชียลมีเดียล มีการแชร์ข้อความดังกล่าวอย่างกว้างขวางและวิจารณ์ว่า นพ.ชลน่าน ด้อยค่าและบูลลี่ กลุ่ม 608 ซึ่งคือกลุ่มคนที่ต้องได้รับการวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากที่สุดนั่นคือกลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรังโรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วนโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน
โดยนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าว ว่า การดูแคลนกลุ่ม 608 ว่าไร้ความสามารถ อมโรค ถือเป็นการ bully ที่ไม่ควรออกมาจากปากของคนที่เป็นหมอ