“พสกนิกร”เฝ้ารับเสด็จฯ “ในหลวงรัชกาลที่ 10″เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เนื่องแน่น 2 ฝั่งถนนราชดำเนิน ประชาชนเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง “2 ยาย”พี่น้องอายุ 75-80 ปี เดินทางมาจับจองที่นั่งตั้งแต่เช้าเพื่อรอชมพระบารมี ไม่ย่อท้อแม้อากาศจะร้อนระอุ เผยช่วงชีวิตผ่านมา 3 รัชกาลแล้ว ซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้มาก ขณะที่”สี จิ้นผิง'”ประธานาธิบดีจีน ร่วมถวายพระพรชัย
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าจุดคัดกรอง ได้มีประชาชนจำนวนมาเข้าจับจองพื้นที่บริเวณริมถนนหน้าพระลาน เพื่อเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ที่เริ่มจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และมายังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยทุกคนต่างพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดสีเหลืองเพื่อรอชื่นชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างใกล้ชิด
ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสด็จฯผ่าน มีประชาชนเดินทางมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯเป็นจำนวนมากเนื่องแน่นเต็มทั้งสองฝั่งถนน แม้จะมีสภาพอากาสที่ร้อนจัดก็ไม่ย่อท้อ โดยเฉพาะ นางประจวบ กลมกมล อายุ 80 ปี ชาว อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา พร้อมด้วย นางวงค์จันทร์ อารีราษฏร์ อายุ75 ปี ชาวบ้านหมอ จ.สระบุรี และญาติพี่น้อง 4-5 คน เดินทางมารถไฟออกจากอยุธยา 05.15 มาถึงก็ประมาณ 08.00 น.และผ่านจุดคัดกรองบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อมารอเฝ้ารับเสด็จฯ
โดย นางวงค์จันทร์ กล่าวว่า เราสองคนพี่น้องผ่านมา 3 รัชกาลแล้ว ซึ่งทุกครั้งที่มีงานพระราชพิธีสำคัญๆ พวกเราก็จะเดินทางมาร่วมตลอด เนื่องจากพวกเรามีความซาบซึ้งและภูมิใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทุกพระองค์ ทรงทำเพื่อพสกนิกรของพระองค์มาโดยตลอด และได้นำพระราชดำรัสของพระองค์มาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ซึ่งตัวยายหย่าร้างมานาน เลี้ยงดูลูกชายด้วยตัวเอง โดยได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาในชีวิตประจำวัน ความพออยู่ พอกิน พอใช้ สามารถเลี้ยงลูก และส่งลูกเรียนประสบความสำเร็จรับราชการได้ ปัจจุบันมีชีวิตอยู่ได้สบายๆ ไม่ลำบาก ไม่มีหนี้ ไม่มีสิน
“ยายสองคนรู้สึกปลาบปลื้มในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้มาก โดยเฉพาะการตกแต่งประดับประดาดอกไม้สองข้างถนนได้สวยงาม ประทับใจ โดยเฉพาะซาบซึ้งพระปฐมบรมโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 10 ว่าพระองค์จะดำเนินรอยตามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงห่วงใยประชาชน” นางวงค์จันทร์ กล่าว
ต่อมา ฤกษ์เวลา 16.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยเสด็จจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ออกจากพระบรมมหาราชวังทางด้านประตูวิเศษไชยศรี ไปตามถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาวไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จากนั้นออกจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เลี้ยวขวาไปยังถนนพระสุเมรุ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายถนนอัษฎางค์บริเวณแยกคอกวัว ตรงไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ออกจากวัดราชบพิธฯ เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง ตรงไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ออกจากวัดพระเชตุพนฯ เลี้ยวขวาเข้าถนนมหาราช เลี้ยวเข้าไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทางเสด็จ 6.77 กม. โดยริ้วขบวนสวยงามและสมพระเกียรติ ขณะที่ประชาชนที่มารอเฝ้าชื่นชมพระบารมีและเฝ้ารับเสด็จฯ ต่างเปล่งเสียง”ทรงพระเจริญ”ดังกึกก้อง
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy in Bangkok เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่สาส์นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
โดย สี จิ้นผิง ได้ยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของชาวจีน พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนกล่าวถึงการสานต่อความสัมพันธ์กับไทยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตามแผนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งจะเป็นการผลักดัยความร่วมมมือเชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระดับทวิภาคีให้ก้าวหน้าต่อไป ตอนท้ายของสาส์นของนายสีได้ขออำนวยพรให้ราชอาณาจักรไทยประสบแต่ความรุ่งเรือง และขอให้ชาวไทยทุกคนจงมีแต่ความสุขและสุขภาพแข็งแรง
Cr.siamrath
สำนักข่าววิหคนิวส์