เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน แถลงวันอาทิตย์(27 พ.ค)ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้การรับรองอีกครั้งต่อคำมั่นสัญญาในการปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูณ์บนคาบสมุทรเกาหลี และยังคงต้องการที่จะร่วมการประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่สิงคโปร์ต่อไป พร้อมกันนี้ผู้นำโซลยังเรียกร้องให้มีการติดต่อสายตรงระหว่างวอชิงตัน-เปียงยาง ในขณะที่เจแปนไทม์สรายงานว่า ผู้นำเกาหลีเหนือส่งคนสนิทเดินทางไปจีนแบบลับๆ และเพิ่งกลับมาถึงกรุงเปียงยางเมื่อวานนี้(26 พ.ค)
หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานวันนี้(27 พ.ค)ว่า ในแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์วันอาทิตย์(27) ของผู้นำโซล เกิดขึ้น 1 วันหลังตัวเขา ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ได้ร่วมหารือแบบอย่างไม่คาดหมายกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึนในวันเสาร์(26) ซึ่งมุนได้กล่าวว่า เขาและผู้นำเกาหลีเหนือต่างเห็นร่วมกันว่า ***การประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือที่จะเกิดขึ้นในสิงคโปร์วันที่ 12 มิ.ยที่จะถึงต้องถูกจัดขึ้นอย่างประสบความสำเร็จ***
นอกจากนี้ผู้นำทั้งสองยังตกลงที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิด และทำงานเดินหน้าสู่การปลอดนิวเคลียร์บนตาบสมุทรเกาหลีและทำให้สันติภาพเกิดขึ้น ประธานาธิบดีมุนกล่าว
ทั้งนี้พบว่าในการประชุมหารือนาน 2 ช.มที่ถูกจัดขึ้นบริเวณหมู่บ้านสงบศึกปันมุนจอมในฝั่งเกาหลีเหนือ มุนชี้ว่าผู้นำคิมตกลงกับเขาถึงความจำเป็นในการต้องมีการศึกษาช่องทางตรงกับวอชิงตันเพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิดระหว่างทั้ง 2 ชาติ และยังเป็นความจำเป็นที่ต้องมีการหารืออย่างพอเพียงล่วงหน้าก่อนการจัดประชุมซัมมิตที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายน
“(คุณคิม) ยังแสดงความเห็นถึงความต้องการที่จะยุติประวัติศาสตร์แห่งสงครามและการเผชิญหน้าผ่านการประชุมซัมมิตที่ประสบความสำเร็จระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ และให้ความร่วมมือเพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง”
โดยมุน แจ-อินชี้ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือชี้ว่า สิ่งที่ไม่แน่นอนในเวลานี้คือ “ความตั้งใจของสหรัฐฯ”
“คุณคิมมีความตั้งใจอย่างมั่นคงในการเดินหน้าทำให้การปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีเสร็จสิ้น และเขาได้กล่าวย้ำอีกครั้งเมื่อวานนี้(26) สิ่งที่ทำให้เขาไม่มั่นใจคือ วอชิงตันจะยอมยุตินโยบายความเป็นศัตรู และให้การรับประกันต่อรัฐบาลของเขาหลังจากได้มีการปลอดนิวเคลียร์แล้ว”
สื่อสิงคโปร์รายงานว่า ผู้นำโซลเรียกร้องให้มีการต่อสายตรงระหว่างวอชิงตัน-เปียงยาง
นอกจากนี้มุนยังแสดงความคาดหวังในการจัดการเจรจา 3 ฝ่ายเกิดขึ้นหลังจากการประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์และคิมที่สิงคโปร์ได้ผ่านไปแล้ว เพื่อต้องการหารือถึงการยุติสงครามเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ ทั้งนี้พบว่าสงครามถูกยกเลิกชั่วคราวในปี 1953 ด้วยการที่ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ที่ยังไม่เคยถูกแทนที่
โดยข้อตกลงสันติภาพมาก่อนและในรายงานยังชี้ว่า ผู้นำเกาหลีใต้ได้ประกาศการประชุมระดับสูงระหว่าง 2 เกาหลีจะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย รวมไปถึงทั้ง 2 ผ่ายจะจัดให้มีการประชุมระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ชาติ และการพูดคุยด้านกาชาดสำหรับการพบปะกันอีกครั้งของครอบครัวชาวเกาหลีที่สมาชิกต้องพลัดพลาดเนื่องมาจากสงคราม
สเตรทไทม์ชี้ว่า การพบปะอย่างไม่คาดฝันของผู้นำ 2 ชาติเกาหลีในวันเสาร์(26) ถือเป็นการพบกันครั้งที่ 2 ภายในเดือนนี้ของคนทั้งคู่ โดยมุนเปิดเผยว่า การประชุมเกิดขึ้นหลังการร้องขอของทางฝ่ายคิมในวันศุกร์(25) ซึ่งมุนยอมตกลงรับปาก
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้แสดงความรู้สึกในการพบเป็นครั้งที่ 2 กับ คิม จองอึนว่า “เหมือนการพบกันระหว่างเพื่อนฝูง” ซึ่งมุนยังได้ตอกย้ำถึงความสำคัญในการที่ 2 ชาติเกาหลีต้องทำการติดต่อระหว่างกันมากกว่านี้
และในการนี้ทางมุนยังเผยว่า ตัวเขาและคิมยังได้ตกลร่วมกันที่จะมีการพบปะกันอีกครั้งเมื่อเวลาเหมาะสม
สื่อสิงคโปร์รายงานว่า ไม่นานก่อนการแถลงทางโทรทัศน์ของมุน ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศว่า การประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์ในวันที่ 12 มิ.ย จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ในวันอาทิตย์(27)ได้ให้ข้อมูลว่า เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้หารือในความเป็นไปได้ของการไม่เป็นปฎิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือที่ออกมาจากสหรัฐฯ และเริ่มต้นกระบวนการเจรจาสันติภาพเพื่อตอบสนองต่อความกังวลด้านความมั่นคงของเปียงยางก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์-คิมจะเกิดขึ้น
“เพื่อความสำเร็จของการประชุมซัมมิตเกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ ทางเราอยู่ในระหว่างการศึกษาในหลายทาง เพื่อแก้ไขความกังวลด้านความมั่นคงของเกาหลีเหนือในระดับการปฎิบัติงาน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าว
และกล่าวต่อว่า “นั่นยังรวมไปถึงการสิ้นสุดความสัมพันธ์ในการเป็นปฎิปักษ์ โดยสหรัฐฯที่จะแสดงความไม่เป็นศัตรู พร้อมกับเริ่มการเปิดการเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อแทนที่ข้อตกลงสัญญาสงบศึกในปัจจุบัน”
สื่อญี่ปุ่น เจแปนไทม์สรายงานเมื่อวานนี้(26)ว่า ผู้ช่วยคนสนิท คิม จองอึนเดินทางกลับทาถึงกรุงเปียงยางในวันเสาร์(26) หลังจากได้มีการเดินทางอย่างลับๆไปยังจีน
สำนักข่าววิหคนิวส์