23 ก.พ.62 – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขต 1 (พระนคร-ป้อมปราบฯ-ดุสิต) หมายเลข 9 เดินทางมาหาเสียง พูดคุยกับชมรมตลาดผลไม้สะพานขาวสี่แยกมหานาค ผู้รับซื้อและค้าส่งผลไม้ทั่วประเทศ โดดยเปิดเผยว่า พ่อค้าหลายรายยอมรับว่าการค้าขายจาก 100% ลดลงเหลือ 5% เนื่องจากเศรษฐกิจระดับฐานรากตกต่ำประชาชนไม่มีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าผลไม้ปลีกจากต่างจังหวัดที่เคยมาซื้อที่ตลาดมหานาคก็ลดลง ประกอบกับการจัดระเบียบที่จอดรถริมถนนและการจัดระเบียบทางเท้าทำให้การจอดรถซื้อขายผลไม้ลดลงอีก ซึ่งพ่อค้าต้องการให้พรรคเพื่อไทยเตรียมนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้
นายชัชชาติ กล่าวว่า อันดับแรกคือต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เพื่อให้เกิดการลงทุน เพราะทุกวันนี้เงินในระบบมีเยอะ แต่คนไม่กล้าลงทุน เพราะไม่มั่นใจในเสถียรภาพทางการเมือง พร้อมทั้งพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก เช่น เกษตรกร ให้ได้ราคาสินค้าที่ดีขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อให้มีกำลังซื้อ ขณะเดียวกันต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศให้น้อยลง แต่พึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น ได้แก่ การลงทุนในระดับเส้นเลือดฝอย, การบริโภคภายในประเทศ และการเกษตร ขณะเดียวกันจะต้องช่วยเหลือคนตัวเล็กให้มีแหล่งกู้ยืมเงินลงทุนและใช้จ่ายหมุนเวียน ประกอบกับรัฐบาลจะต้องสนับสนุนเทคโนโลยีและให้ความรู้ในการใช้จ่ายเงินลงทุน
นายชัชชาติ ยังกล่าวเสริมว่า เดิมประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมแต่ยังไม่มีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรให้ดีขึ้น กลับไปเริ่มต้นอุตสาหกรรมและพัฒนาอุตสาหกรรมก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นแรงงานราคาถูก และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ในขณะที่โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเริ่มเปลี่ยนไป ดังนั้นต้องเพิ่มประสิทธิภาพของเกษตรให้ดีขึ้น เพิ่มความต้องการซื้อในตลาด พัฒนาและแปรรูปสินค้าเพื่อเพิ่มราคา พัฒนาระบบชลประทานเพื่อให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชทางเลือกได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร ลดต้นทุนแรงงานให้น้อยลงเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ส่วนการช่วยเหลือคนจนเป็นนโยบายระยะสั้นที่ต้องดูเป็นรายกรณี
ส่วนการจัดระเบียบทางเท้า นายชัชชาติ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลต้องช่วยประสานกับเอกชนเพื่อหาพื้นที่ให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยขายสินค้าแทนที่เก่า และกำหนดช่วงเวลาค้าขายตามทางเท้า นอกจากนี้การจัดระเบียบสถานบริการให้ปิดก่อนเที่ยงคืน กระทบกับผู้ค้าอาหารและบริการอื่นๆ ตามมา ดังนั้นการจัดระเบียบสร้างความเรียบร้อยแต่กระทบวิถีชีวิตของคน รัฐบาลจึงต้องคืนโอกาสให้กับประชาชน
นอกจากนี้ยังมีประชาชนพูดถึงเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายชัชชาติ น้อมรับและพร้อมปรับปรุงไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมกล่าวว่าอยากให้ทุกคนถอดเสื้อทุกสีแล้วใส่เสื้อประเทศไทย หลังการเลือกตั้งหากใครได้เป็นรัฐบาลตนก็พร้อมที่จะทำงานไปด้วยกัน
เมื่อประชาชนถามว่าหากนายชัชชาติได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาได้เป็นเรื่องแรก นายชัชชาติ ตอบว่าจะสร้างความมั่นใจให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้า ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างสามัคคีและยุติความขัดแย้ง ลำดับต่อมาคือการปราบปรามคอรัปชั่นโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านทางออนไลน์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ส่วนนโยบายดีๆ นายชัชชาติ เห็นว่าควรสานต่อเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เช่น โครงการ EEC และ นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตนก็จะไม่ยกเลิก เนื่องจากภาครัฐได้เตรียมเงินช่วยเหลือไว้แล้วและเป็นการช่วยเหลือคนจน แต่เรื่องจะเพิ่มเงินช่วยเหลือหรือไม่ต้องศึกษาพิจารณาอย่างละเอียด แต่สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บัตรให้ครอบคลุมการใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานให้มากขึ้น ขณะเดียวกันประชาชนต้องสามารถกดเงินสดเพื่อไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆในตลาดได้เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบซึ่งเป็นหัวใจของบัตรคนจน และในอนาคตจะต้องรวมบัตรนี้ไว้กับบัตรประชาชนใบเดียว ไม่ต้องพกบัตรคนจนเพราะทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่หลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการช่วยเหลือเงินให้กับประชาชนที่ยากจน, ผู้สูงอายุ, มารดาและเด็กแรกเกิด นายชัชชาติเห็นว่า ประเทศไทยยังไม่ใช่รัฐสวัสดิการแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากปัจจุบันเก็บภาษีได้เพียงร้อยละ 14 – 16% ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เก็บภาษีได้มากกว่า 25% ดังนั้นจึงต้องใช้เงินอย่างชาญฉลาด ไม่เน้นการแจกเงินแต่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถาวรวัตถุเพื่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาว รวมทั้งนำเงินไปพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้นายชัชชาติ ยังปฏิเสธกรณีพรรคเพื่อไทยจะเอาไว้ทำโครงการรับจำนำข้าวต่อ แต่จะมีโครงการอื่นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่าไม่อยากให้คนไทยเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะสัญญาว่าจะให้ราคาสินค้าดี แต่อยากให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพราะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมองเห็นปัญหา มองเห็นอนาคต และมีผู้บริหารมืออาชีพที่จะแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์