ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #เจตนาลุงพล ! ในคดีน้องชมพู่ ดร.สุกิจ ฟันธง

#เจตนาลุงพล ! ในคดีน้องชมพู่ ดร.สุกิจ ฟันธง

19 January 2021
947   0

องค์ประกอบของ มูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด นั้น เป็นข้อบ่งชี้ ถึงเหตุการตาย
___________\\\\\\\\\\\\________

ศึกษากรณี “น้องชมพู่” โดย ดร.สุกิจพูนศรีเกษม. นักวิชาการด้าน กฏหมาย

กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายมหาชน   ต้องมีบทบัญญัติโดยชัดแจ้งกฎหมายอาญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ความผิดและโทษไว้ในขณะกระทำ ต้องชัดเจนปราศจากการคลุมเครือมิฉะนั้นจะใช้บังคับมิได้

การลงโทษเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลโดยตรง  ฉะนั้น ลักษณะการใช้บังคับกฎหมายอาญาจึงถือหลักไม่มีความผิด ไม่มีโทษไม่มีกฎหมาย โดยเคร่งครัด และต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำเท่านั้น

มิใช่ในทางที่จะเป็นโทษแก่ผู้กระทำ ในการตีความกฎหมายอาญานั้น จะนำหลักการเทียบกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง มาใช้บังคับให้เป็นผลร้ายแก่ผู้กระทำมิได้ มูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด ต้องมีเจตนาพิเศษเป็นคนละกรณีกับเจตนาธรรมดา เจตนาธรรมดาคือประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผล

คดีน้องชมพู่นั้น เป็นคดีที่ไม่มีประจักพยานรู้ เห็น การชันสูตรพลิกศพได้เสร็จสินไปแล้วครั้งแรกของโรงพยาบาลจังหวัดอุบลนั้น ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือล่วงละเมิดทางเพศ แพทย์สภายืนยันว่า น้องชมพู่อาจขาดสารอาหารถึงแก่ความตายนั้นเป็นไปได้สูง. การผ่าศพน้องชมพู่ในครั้งที่ 2 นั้น แพทย์สถาบันสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีอำนาจทำได้

เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตจากแพทย์สภา แต่สำนักงานนิเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าได้ออกมายืนยันว่า ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และล่วงละเมิดทางเพศ เหตุที่ เหตุที่อวัยวะเพศน้องชมพู่ฉีกขาดนั้น เนื่องจากการผ่าพิสูจน์ในครั้งแรก บาดแผลแผ่นหลังนั้นน่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายศพ

คดีคงมีแต่เหตุสงสัยตามสมควรว่าคนร้ายที่ฆ่าน้องชมพู่ นั้น “มีมูลเหตุจูงใจอะไร ตำรวจต้องคลีคลายให้สิ้นกระแสความ หรือน้องชมพู่พลัดหลง ขาดสารอหารถึงแก่ความตาย”ตำรวจ”ไม่เคยให้ข่าวต่อสื่อมวลชนเลยว่าจะ”มีการออกหมายจับ คนร้าย “ที่ฆ่า”น้องชมพู่”

คงมีแต่ท่านประธานชมรมแห่งหนึ่งย่านพระประแดงสมุทรปราการออกมาเรียก”กระแสสังคม”ในเพจตนเอง เพียงต้องการยอด กด”ไลน์ “กด”แชร์” ว่า ตนเองเก่งกว่าตำรวจ

นอกจากนี้ยังคุยโว”ในเพจ ตนเองว่า”ได้ส่งคนไปแฝงตัวในบ้าน”กกกอด” เป็นเวลานานด้วยเงินตนเองและยังยืนยันข้อเท็จจริงว่า สาเหตุการตายของน้องชมพู่ คาดว่าถูกตีด้วย”ก้านมะยม”นั้น

เมื่อมีการยืนยันข้อเท็จจริง ถือว่าเป็นพยานสำคัญตำรวจ จะต้องนำพยาน
ปากนี้ ไปนำชี้ที่เเกิดเหตุ และนำ ก้านมะยม”ที่ใช้ในการกระทำความผิด มาเป็นของกลาง เพื่อจำลองเหตุการว่าเป็นความจริงหรือไม่

ข้อมูลดังกล่าวนี้ พยานเกี่ยวข้องอะไรกับคดีนี้ และมีหน้าที่อะไรต้องส่งคนไปแฝงตัวในที่บ้าน “กกกอด” พยานประสงค์ต่อผลอย่างไร การออกนอกพื้นที่ในสถานการฉุกเฉินนั้นพยานได้ขออนุญาตหรือไม หากไม่ขออนุญาตพยานมีสิทธิพิเศษเหนือประชาชนคนอื่นอย่างไร.ที่ไม่ขออนุญาตออกนอกพื้นที่แล้วถูกแจ้งจับนั้นเหากดำรวจไม่ดำเนินการ อาจถูกกล่าวหาว่าปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ได้ ตำรวจท้องที่เกิดเหตุต้องสอบปากคำพยานไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ พยานยังกล่าวอ้างว่าตำรวจจะออกหมายจับ “ดารา และนางฟ้า”
บ้าน”กกกอด”นั้นเป็นใคร พยานรู้ได้อย่างไร และมีมูลเหตุจูงใจอะไรที่พยาน
กล่าวอ้างนั้น จะไปฆ่า”น้องชมพู่”

หากพิจารณาตามข่าวแพทย์สภาออกมาให้ข่าวว่า “น้องชมพู่ ตายในวันที่ 12 พฤษภาคม2563 นั้น เมื่อ”น้องชมพู่” หายตัวไปจากบ้านตอนเช้าวันที่ 11 จริงสาเหตุการตายก็น่าจะเกิดจากพลัดหลง และขาดสารอาหารตามที่แพทย์สภา “ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ได้

หากศาลรับฟังประกอบตามภาพข่าว ”อัมรินทร์ทีวี โดยนายพุทธ อภิวรรณฯ พิธีกร ได้นำเสนอข่าวขณะที่พบศพน้อง”ชมพู่”“บนภูเขา “ภูเหล็กไฟ ได้บันทึกภาพข่าวไว้ นั่น ลุงพลอยู่ใกล้ชิดกับศพผู้ตายต่อหน้าตำรวจและนักข่าวนับรอยหากศาลได้พิจารณาถึงภาพถ่ายนั้น “ภาพมาฟ้องในตัวว่า ไม่มีจูงใจอะไรที่ลุงพล. จะกระทำความผิด

หาก”หวย”มาตกที่”ลุงพล”จริงตามแสสังคม ศาลก็จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของ”ลุงพล”ประกอบด้วย ตำรวจ”ได้สอบปากคำลุงพลในฐานะพยานไว้แล้วจำนวนหลายครั้ง”ลุงก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจ แม้เวลาผ่านพ้นเกินกว่าหกเดือนแล้ว ตำรวจได้นัดหมาย ลุงกับภรรยาไปเข้าเครื่องจับเท็จลุงก็ไปกับตำรวจทุกครั้ง จึงไม่มีพฤติกาณ์หลบหนี จึงไม่มีเหตุที่ตำรวจจะออกหมายจับ”ลุงพล”ได้
เชื่อว่า “ศาลคงให้”ออกหมายเรียก”ตามหลักนิติธรรม

ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม