วันเวลาผ่านไปรวดเร็วนะคะ เพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลากันไปสำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ พ่อหลวงของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระบรมมหาราชวังไปบรรจุ ณ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม และสัดบวรนิเวศวิหาร โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ ๖ ในเวลา ๑๗.๓๐ น. วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
อีกหนึ่งเรื่องราวหลังพระราชพิธีเสร็จสิ้นเมื่อได้มีเฟชบุ๊กที่ชื่อว่า ชมรมคนรักพระมหาหษัตริย์ของชาติไทย ได้โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความ..คลายสงสัย!?! กระเป๋าหนังคาดหลังอันสวยงามบนชุดเต็มยศของทหาร เหล่าทัพต่างๆ ในริ้วขบวนงานพระราชพิธีฯ คืออะไรพร้อมประวัติ
ใขนณะที่ทุกคนกำลังสนใจการเดินริ้วขบวนของทหารเหล่าทัพต่างๆในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของในหลวงรัชกาลที่ ๙ อยู่นั้นบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและการแต่งการของริ้วขบวนต่างๆนั้นสมพระเกียรติยิ่งนัก หนึ่งในนั้นคือความงดงามของชุดทหารเหล่าต่างๆก็แตกต่กันไปตามสีของเหล่าทัพนั้นๆ แต่ที่จะคล้ายคลึงกันและอาจจะเป็นที่สงสัยว่ากระเป๋าที่คาดอยู่ข้างหลังของทหารแต่ละนายนั้นคือกระเป๋าอะไร เอาไว้ทำอะไร
ซึ่งกระเป๋านั้นเรียกว่า แหนบคันชีพ แหนบคันชีพถือได้ว่าเป็นของที่ระลึกส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งมีการเรียกขานอย่างเต็มว่า “แหนบหรือเข็มรูปกระเป๋ากระสุนคันชีพ เครื่องแบบเต็มยศทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ” และคำว่า คันชีพ มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Gun Chief” นั้นก็หมายความถึง กระเป๋าสำหรับใส่กระสุนปืนของทหาร นั่นเอง
การพระราชทาน แหนบคันชีพ นั้นเริ่มมีขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ โดยพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้จำลองรูปแบบตัวกระเป๋ากระสุนคันชีพออกมาเป็นแหนบคันชีพฯ เพื่อพระราชทานเป็นของที่ระลึกส่วนพระองค์ แก่นายทหารมหาดเล็กชั้นผู้ใหญ่ในสมัยนั้น โดยในครั้งแรกผู้เจ้ารับพระราชทานยังเป็นเจ้าฟ้าเพียงไม่กี่พระองค์ ถัดจากนั้นมาการพระราชทานแหนบคันชีพ จึงเกิดขึ้นอีกครั้้งในสมัยพระบาทสมเด็ึพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๖อันเป็นวันครบรอบ ๘๕ ปีแห่งการสถาปนากรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ทางกรมฯ จึงจัดให้มีพิธีสวนสนามของทหารมหาดเล็กฯ ขึ้น ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า (พิธีสวนสนามเมื่อครั้งนั้นมีหน่วยที่เข้าสวนสนามเพียงหน่วยเดียวคือ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ)ต่อหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้พระราชทาน แหนบคันชีพ แก่ผู้แสดงและผู้ช่วยเหลือในงานวันราชวัลลภดังกล่าว แก่นายทหารมหาดเล็กระดับนายพลขึ้นไป กระทั่งในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ ซึ่งเป็นวันครบรอบ ๑๐๐ ปี แห่งการสถาปนากรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ จึงมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด ณ สโมสรกองทัพบก โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จฯ มาเป็นองค์ประธาน ซึ่งงานในครั้งนั้นได้สำเร็จลุล่วงลงด้วยดีจากข้าราชการหลายฝ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแหนบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พระราชทานให้กับผู้มีเกียรติที่ทำคุณประโยชน์ต่อกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ทั้งยังโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้กับทหารมหาดเล็กตั้งแต่ยศว่าที่ร้อยตรีขึ้นไปอีกด้วย
และหลังจากปี พ.ศ.๒๕๑๑ เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ เป็นผู้มีสิทธิในการพิจารณามอบแหนบคันชีพแต่เพียงผู้เดียว โดยมีหลักเกณฑ์คือ บุคคลผู้นั้นต้องมีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นผู้ทำคุณประโยชน์แก่กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ โดยตรง หรือทำประโยชน์ให้กับกองทัพบกและประเทศชาติ ประการสุดท้าย บุคคลผู้นั้นจะต้องมีเกียรติสูงพอ และมีฐานะมั่นคงที่จะรักษาคุณค่าของแหนบคันชีพนี้ไว้ได้
สำหรับการประดับแหนบคันชีพนั้น สามารถประดับได้กับเครื่องแบบทุกชนิด ตั้งแต่ชุดปกติ จนถึงเครื่องแบบเต็มยศ เว้นแต่ชุดฝึก สำหรับเครื่องแบบให้ประดับไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายชิดขอบกระเป๋าเสื้อด้านบน โดยให้สังเกตว่า ขอบด้านขวาของกระเป๋ากระสุนคันชีพต้องชิดกับขอบกระเป๋าเสื้อด้านขวา ส่วนสุดสากลนิยม, ชุดพระราชทาน ซึ่งไม่มีกระเป๋าเสื้อนั้น ก็ให้ประดับที่กระเป๋าบนด้านซ้ายให้เข็มกลัดลง
โดยสังเกตให้ขอบกระเป๋าของแหนบคันชีพ ด้านล่างอยู่ชิดขอบเสื้อด้านขวา สำหรับเครื่องแบบข้าราชการที่มีกระเป๋าเสื้อแบบของสุภาพบุรุษ ให้ประดับแหนบเช่นเดียวกับเครื่องแบบสุภาพบุรุษ แต่หากไม่มีกระเป๋าเสื้อ ก็ให้ประดับที่สาบเสื้อด้านบนซ้าย ในส่วนของเครื่องแบบที่ติดกระดุมคอเสื้อ ให้ประดับไว้ระหว่างกระดุมเม็ดบนและเม็ดที่หนึ่ง สำหรับสุภาพสตรีนั้น สามารถประดับแหนบคันชีพได้ทุกชุดที่เห็นว่าเหมาะสม โดยประดับไว้ที่ตำแหน่งบริเวณเสื้อส่วนบนด้านซ้าย
สำนักข่าววิหคนิวส์