ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ประเทศกูมี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 35,273 ตัวอย่างในโลกโซเชียล และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,409 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 16 – 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่า
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.9 ระบุ ประชาชนทุกคนคือผู้ที่ต้องออกมาปกป้อง เทิดทูน สถาบันหลักของชาติ
รองลงมาคือร้อยละ 89.5 ระบุ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน
และร้อยละ 86.9 ระบุ กองทัพ คือผู้ที่ต้องออกมาปกป้อง เทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึง สิ่งที่ประเทศไทยมี พบว่า
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 ระบุ ประเทศที่มีโครงการพระราชดำริสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า เช่น ฟื้นฟูป่าชายเลน โครงการแก้มลิง โครงการชั่งหัวมัน และอื่น ๆ เป็นพันโครงการ
รองลงมาหรือร้อยละ 97.4 ระบุ ประเทศไทยมีศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจ ความดี หลักธรรม คุณธรรมและความช่วยเหลือเกื้อกูล
ร้อยละ 96.8 ระบุ ประเทศไทยมีลูกหลาน ดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ด้วยความกตัญญู
ร้อยละ 96.2 ระบุ ประเทศไทยมีสอนให้ประชาชนรู้จักพึ่งพาตนเองด้วยเศรษฐกิจพอเพียง จน สหประชาชาติยกย่องเชิดชูสูงสุดไปทั่วโลก
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.9 ระบุประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคนในชาติช่วยแก้วิกฤตโควิดได้คำชมอันดับต้น ๆ ของโลก
ร้อยละ 89.8 ระบุประเทศไทยมีปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง
ร้อยละ 87.1 ระบุประเทศที่มีโครงการ ธนาคารต้นไม้ ประชาชนปลูกไม้มีค่าไว้ขายได้
.
ร้อยละ 86.1 ระบุ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ กองทัพช่วยแก้ภัยพิบัติประชาชน น้ำท่วม ดินถล่ม และอื่น ๆ
ร้อยละ 78.5 ระบุประเทศที่มีรถไฟฟ้า เทคโนโลยี ทันสมัย
และที่ต่ำสุดคือ ร้อยละ 60.3 ระบุประเทศที่ คนทุกวัย รู้เท่าทัน ต่างชาติเข้ามาสร้างความปั่นป่วน ให้คนไทยแตกแยกกันเอง
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.0 เห็นด้วย ถึง เห็นด้วยอย่างยิ่ง ว่า ประเทศไทยมีดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก ในขณะที่ เพียงร้อยละ 2.0 เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย ถึง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll ในการศึกษาแนวโน้มการก่อตัว และการปั่นกระแสคนในโลกโซเชียลจากตัวอย่างการใช้ข้อความการเมืองจำนวน 35,273 ตัวอย่าง พบว่า
ข้อความการเมืองที่ว่า “เยาวชนปลดแอก” ถูกปล่อยข้อความออกมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 วันปั่นยอดสูงสุดวันที่ 23 กรกฎาคม แต่แนวโน้มลดต่ำลงแล้ว ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ร้อยละ 75.3% และอินสตาแกรม ร้อยละ 14.9
ที่น่าสนใจคือ ข้อความการเมืองที่ว่า ให้มันจบที่รุ่นเรา เริ่มปล่อยข้อความวันที่ 18 กรกฎาคม และจุดปั่นกระแสสูงสุดคือวันที่ 16 สิงหาคม และแนวโน้มลดต่ำลงเช่นกัน ปัจจุบันยังคงใช้ ทวิตเตอร์ ร้อยละ 60.0 แต่ที่น่าพิจารณาคือ ใช้อินสตาแกรมเป็นช่องทางสำหรับข้อความ ให้มันจบที่รุ่นเรา สูงถึงร้อยละ 32.5
นอกจากนี้ จะพบว่า อินสตาแกรม กำลังถูกใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารข้อความการเมืองปลุกปั่นอารมณ์ของคนรุ่นใหม่ในโลกโซเชียลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ ร้อยละ 54.2 ในขณะที่ ทวิตเตอร์ ร้อยละ 41.9 และสำหรับข้อความ ประเทศกูมี ถูกใช้ขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาคือ วันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา และเพิ่มยอดสูงสุด คือ 19 สิงหาคม โดยมี ทวิตเตอร์ร้อยละ 73.2 อินสตาแกรมร้อยละ 10.7 และวิดีโอ ร้อยละ 6.3 ตามลำดับ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ประเทศกูมีของดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก ที่คนไทยไม่ควรยอมให้ต่างชาติและคนไทยบางคนมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายจนทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น ประชาชนจำนวนไม่น้อยกำลังก้าวไปถึงจุดที่ว่า เห็นงูเข้าบ้าน ก็จะเผาบ้าน เพื่อฆ่างูตัวนั้น แล้วผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไร