ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #เดือดจัด!’สุเทพ’ถูกบล็อก ปชป.หันมาหนุน ‘ประยุทธ์’เต็มที่

#เดือดจัด!’สุเทพ’ถูกบล็อก ปชป.หันมาหนุน ‘ประยุทธ์’เต็มที่

18 December 2017
906   0

หลังจาก คสช. ได้เข้ามาบริหารประเทศเป็นเวลาเกือบ 4 ปี ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการดำเนินงานตามโรดแมป เน้นการปฏิรูปประเทศ แก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น และได้พยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลงานต่าง ๆ ก็มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและยังไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมืองและเป็นฐานข้อมูลให้กับผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรัฐบาลที่จะบริหารประเทศได้ตรงตามความต้องการของประชาชน

ถือว่าชัดเจนแบบไม่ต้องมีอะไรอ้อมค้อมสำหรับคำพูดล่าสุดเมื่อวันที 17 ธันวาคม แบบแฉโพยของ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เนื้อหาหลักๆ ก็มีสองสามเรื่อง คือ เปิดโปง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ว่า มีความพยายามในการฮุบพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนำไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่การฮุบพรรคมีแนวโน้มว่าจะไม่สำเร็จ จากนั้นก็แยกวงไปเคลื่อนไหวตั้งพรรคใหม่ที่มีตัวเองเป็น “กุนซือ” สำคัญ

ที่บอกว่าชัดเจนไม่อ้อมค้อม เพราะถือว่าเป็นการพูดแบบชัดเจนและไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า งานนี้ระดับคำพูดแบบนี้ก็ต้องได้รับ “ไฟเขียว” จาก “ขาใหญ่” ในพรรคออกมาชนแน่นอน ขณะเดียวกัน มันก็เป็นสัญญาณแตกหักภายในออกมาให้เห็นแล้ว

ขณะเดียวกัน หากสังเกตให้ดีจะเห็นการเคลื่อนไหวออกมาจากทั้งสองฝ่ายในแบบที่เรียกว่าระดับ “ขาใหญ่” ออกโรงกันแล้ว อาจจะเรียกว่าเป็น “ไฟต์บังคับ” เส้นทางข้างหน้าเริ่มแคบซุ่มเงียบกบดานต่อไปไม่ไหวแล้ว

และที่สำคัญ ผลของการสัประยุทธ์กันในพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย

หากยังจำกันได้เริ่มจากการเคลื่อนไหวของ “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เร่งแก้ปัญหารายได้ครัวเรือนที่ลดลงในรอบ 3 ปี ตั้งแต่ คสช. ยึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 2557 ความหมายก็คือ “ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้ชาวบ้านจนลง” เป็นการ “กรีด” เข้าไปกลางใจให้เห็นของจริง สร้างอารมณ์ร่วมแบบที่ไม่ต้องอธิบายกันมาก

แน่นอนว่า วิธีการนำเสนอดังกล่าวถือว่า “คลาสสิก” มากสมกับฉายา “ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ที่กรีดเข้าไปแต่ละทีฝ่ายตรงข้ามแทบจะไม่รู้ตัว แต่ถึงรู้ตัวก็ไม่กล้าขยับมาก เพราะกลัวเลือดจะไหลออกมาอีกอะไรแบบนี้ กรณีที่เกิดขึ้นก็เช่นเดียวกันที่ ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตอบโต้รุนแรงเหมือนกับคนอื่น แต่ใช้คำขอบคุณที่นำเสนอข้อมูลให้เห็น

การเคลื่อนไหวของ ชวน หลีกภัย ดังกล่าว ถือว่าได้เวลาจังหวะเหมาะพอดีกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำลังเดินสายในพื้นที่ภาคใต้ และวันที่ออกมาเปิดเผยถึงจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวก็เป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังย้อนกลับมาที่จัหวัดตรัง ซึ่งหากถือว่าเป็นภาคใต้ก็ต้องเป็นลักษณะของการเก็บเกี่ยว “เพิ่มเรตติ้ง” หลังจากก่อนหน้านั้นในช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่สงขลา – ปัตตานี ไปทำพลาดจนเสียรูปมวยไปพอสมควร แต่ก็ต้องเจอกับรายการเบรกอารมณ์กับ “ขาใหญ่” แห่งจังหวัดตรังเข้าไปอีก จากเดิมที่หมายมั่นว่าจะได้เต็มร้อยก็ถูกลดทอนลงไปอีก

อย่างไรก็ดี หากโฟกัสกันในประเด็นทางการเมืองก็สามารถมองเห็นการเชื่อมโยงกันหลายอย่าง อย่างแรกจากการเคลื่อนไหวของ ชวน หลีกภัย ที่ยกเอาเรื่อง “ความล้มเหลวในเรื่องแก้จน” ของรัฐบาล คสช. มาเบรก มองอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “เตะตัดขา” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพร้อมกัน เพราะจับทางรู้กันอยู่แล้วว่าจะ “ต้องไปต่อ” แน่

ขณะเดียวกัน มันก็เหมือนกับการ “บล็อก” ขุมกำลังสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา แน่นอนว่า ต้องชี้ไปที่กลุ่มของ “กำนันสุเทพ” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคและอดีตเลขากปปส. ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะไม่หวนกลับเข้าพรรค และไม่เล่นการเมือง แต่ไม่เคยบอกว่าจะไม่ส่งเครือข่ายกลับไป “ยึดพรรค” อีกทั้งที่ผ่านมาก็ประกาศชัดเจนว่า สนับสุนน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ นอกเหนือจากนี้ ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ลากยาวกับ “พี่ใหญ่” คสช. อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวงการก็ย่อมรู้ดีไม่ต้องพูดกันมาก

นอกเหนือจากนี้ การออกมาเสนอให้มีการ “แก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง” ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แม้ว่าจะยังพูดไม่ชัดว่าต้องการให้แก้ไขแบบไหน แต่เหมือนกับมีแนวโน้มไปที่เนื้อหาสำคัญคือให้ “เซตซีโร่” พรรคการเมือง คือ โละสมาชิกพรรค ให้เริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ถึงอย่างไรความหมายต่อเนื่องที่จะตามมาชัดเจนก็คือหากมีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองขึ้นมาจริงๆ ก็คือ การ “ยื้อ” เวลาการเลือกตั้งออกไปอีก จากเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศไว้ว่าจะเลือกตั้งกันในเดือนพฤศจิกายน 2561 แม้ว่าเขาจะห้อยติ่งภายใต้เงื่อนไขว่า “ต้องแล้วแต่กฎหมายลูก” ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใดก็ตาม

เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวทั้งหมดนำมาปะติดปะต่อกัน และจากการให้สัมภาษณ์เปิดโปงของ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ มันทำให้สรุปรวมได้ว่าเวลานี้กำลังมีการเคลื่อนไหวจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกรอบ โดยมี สุเทพ เป็นกุนซือสำคัญหลังจากที่ไม่สามารถกลับไป “ยึดพรรคประชาธิปัตย์” ไม่สำเร็จ เนื่องจาก มี ชวน หลีกภัย เป็นแกนหลักนำทัพยืนขวางอยู่เต็มประตู

ดังนั้น นับจากนี้ไป ก็คงได้เห็นการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเซตซีโร่พรรคการเมือง ด้วยข้ออ้างเพื่อความเป็นธรรม และหากเกิดขึ้นจริงก็ทำให้มีแนวโน้มว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ซึ่งถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้แต่ว่าการเมืองต้องเดือดแน่นอน ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็นนั่นคือการจับมือเป็น “พันธมิตรเฉพาะกิจ” กันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคเพื่อไทย ก็จะเกิดขึ้นเพื่อขวาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ให้ไปต่อ !!

Cr.mgr

สำนักข่าววิหคนิวส์