ดร.อนันตชาติ บัวสุวรรณ์ ผู้สมัครสส.กรุงเทพ เขตเลือกตั้งที่ 9 เบอร์ 8 พรรคพลังประชารัฐ ได้ระบุถึง กรณีเศรษฐา บอกว่า การท่องเที่ยวไทย เศรษฐกิจไทย เข้าขั้น ICU ต้องออกเงินดิจิทัล 5.5 แสนล้านเพื่อ แจก กระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสภาพเศรษฐกิจดีขึ้นจากการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากมาย โดยไตรมาสแรกมาไทยกันมากถึง 6.5 ล้านคน สร้างรายได้ให้กลับประเทศไทยมหาศาล จะเห็นได้จากช่วงเทศกาลสงกรานต์มีนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยจนแทบล้น ที่คาดว่ามีมากกว่า 30 ล้านคนตลอดทั้งปี ซึ่งการท่องเที่ยวถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ จึงเข้าใจได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เข้าขั้น ICU แน่นอน
ส่วนการออกเงินดิจิตอลให้ประชาชนมูลค่า 10,000 บาท ที่จะใช้งบประมาณมากกว่า 5.5 แสนล้าน ในขณะที่งบประมาณที่จะมีใช้ในปี 2567 จะเหลือเพียง 2 แสนล้าน ที่อ้างว่าจะโยกงบประมาณมาจากทุกกระทรวง ทำให้กระทรวงอื่นๆไม่ได้มีการพัฒนา ทั้ง งบคนชรา เงินเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้าน อสม. เงินช่วยเหลือตามโครงการประชารัฐ ก็จะโดนตัดไปด้วยทำให้ประชาชนรากหญ้าจะได้รับผลกระทบ ทำให้ยังไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น ซึ่งหากไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาสนับสนุนได้มากพอ จะเป็นเหตุให้ประเทศไทยก่อหนี้เงินกู้ IMF เกิดความเสี่ยงทางการคลังได้ เนื่องจากนโยบายดิจิทัล วอตเลท เป็นมาตรการที่ใช้เม็ดเงินงบประมาณสูงถึง 5.5 แสนล้านบาท
เศรษฐกิจปัจจุบันเมือเทียบกับช่วงโควิดระบาดถือว่าแตกต่างกัน ซึ่งช่วงนั้นได้โยกงบประมาณจากทุกกระทรวง ทะบวง กรม มาเพื่อเยียวยาประชาชนที่ออกจากบ้านไม่ได้ จนทำให้รอดพ้นวิกฤติมาจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญเศรษฐา อ้างว่าจะอนุมัติงบประมาณใช้จริงในปี 2567 นั้นแสดงให้เห็นถึงความล่าช้า เกือบเป็นปีจึงจะช่วยเหลือประชาชนได้ อันสะท้อนให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้ทำ ในยามที่ประเทศเข้า ICU ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำมาหลายปี ยึดประโยชน์ของประชาชน ให้ได้ประโยชน์ทุกชนชั้น ไม่ว่าจะยาก รวย มี จน ก็จะได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง นักลงทุนจึงแห่มาลงทุน การท่องเที่ยวก็เติบโตมากกว่าประเทศอื่นในโลกที่กำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ นี้คือวิศัยทัศน์ของผู้บริหารของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีพลเอกประวิทย์ วงค์สุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค ที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศต่อไป