องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) กล่าวผ่านรายงานที่ออกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 ต.ค.) ว่าการถ่ายภาพเซลฟี่กับสัตว์ป่าที่พบเห็นในอินสตาแกรมทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2014 มากถึง 292 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้มีมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นภาพมนุษย์ “กอดหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับสัตว์ป่า”
องค์กรเผยว่า สัตว์ป่าเหล่านั้นถูกจับมาและมักโดนบังคับให้แสดงท่าทางต่างๆ เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว
“เบื้องหลังการถ่ายภาพ สัตว์มักจะโดนทำร้ายเพื่อให้ยอมจำนน โดนพรากจากแม่ตั้งแต่แรกเกิด และแอบขังมันไว้ในสถานที่สกปรกและคับแคบ หรือโดนหลอกล่อด้วยอาหารที่สามารถส่งผลกระทบเชิงลบทางชีววิทยาและพฤติกรรมของมันได้ในระยะยาว”
“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้อะไรด้วยจะมองไม่เห็นความโหดร้ายที่ทำให้สัตว์พวกนี้ยอมจำนนและพร้อมให้พวกเขาถ่ายรูปเลย”
การกระทำเช่นนี้มีอยู่ทั่วไปในเขตป่าแอมะซอน ซึ่งมีสัตว์ป่า 61 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ที่ต้องการการคุ้มครองในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (CITES)
ยกตัวอย่างเช่นในเมืองมานอส เขตป่าแอมะซอนของประเทศบราซิล บริษัททัวร์ 18 รายเผยว่าพวกเขามอบโอกาสให้ 94 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทัวร์ทั้งหมด “ได้อุ้มและแตะต้องสัตว์ป่าเพื่อประกอบการถ่ายภาพ”
สัตว์ที่ถูกมนุษย์ถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือโลมาสีชมพู ตามมาด้วยสลอธสามนิ้วเท้า จระเข้เคแมน งูอนาคอนดาเขียว และลิงกระรอก
รายงานระบุว่า “มีเหตุผลที่ดีให้เชื่อว่าสลอธส่วนใหญ่ที่โดนใช้มาถ่ายภาพเซลฟี่กับนักท่องเที่ยวไม่อาจอยู่รอดเกิน 6 เดือนกับการกระทำเช่นนี้”
นอกจากนี้รายงานยังยกตัวอย่างว่าสัตว์เหล่านี้ถูกเก็บรักษาในสภาพที่เลวร้ายอย่างไรบ้างเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย อย่างเช่นการเก็บพะยูนไว้ในตู้เล็กๆ หน้าโรงแรม หรือการที่เจ้าของทำร้ายและทุบตีตัวกินมดยักษ์
โรเบอร์โต คาบราล ผู้ประสานงานกองบังคับใช้กฎหมายของ IBAMA สถาบันสิ่งแวดล้อมบราซิล ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าการกักขังสัตว์ไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยนั้นผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ดี เขาก็ขอความร่วมมือให้บรรดานักท่องเที่ยวหยุดสนับสนุนกระแสดังกล่าว “ความย้อนแย้งก็คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มที่มักจะถ่ายภาพเซลฟี่กับสัตว์เป็นนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสัตว์ แต่พวกเขากลับเป็นกลุ่มที่สร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์เหล่านี้”
Cr. China xinhua news
เกรียงไกร นุชศรี
สำนักข่าววิหคนิวส์