ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์การเมือง การปกครองได้โพสต์ข้อความส่วนตัวระบุว่า ภาพข่าว หนังสือพิมพ์ดาวสยาม ที่นักข่าวแอบถ่ายมาได้ อันเป็นการหารือระหว่าง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี กับ ท่านไกรสร ตันติพงษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์การเมือง การปกครอง ได้รับยกย่องว่าเป็น ปรามาจารย์การเมือง (มีดร.เทอดศักดิ์ เป็นลูกษิตย์เอก) ที่นั่งคุยกันพลเอกเปรมอยู่นานเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ ก่อนจะเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในการพลิกชีวิตของพลเอกเปรม และประเทศไทย
สถานการณ์ในขณะนั้นคนในประเทศเกิดความขัดแย้ง ถ้าปล่อยสถานการณ์ต่อไป จะเกิดการนองเลือดมิต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่คนไทยต้องมาฆ่ากันเอง
เมื่อพรรคประชาธิปัติย์หรือสื่อเรียกว่ากลุ่ม 10 ไม่รับพรบ.ลิขสิทธิ์ที่ฝรั่งบีบให้ไทยต้องทำอันเป็นสิทธินอกอาณาเขต อันจะทำให้คนไทยต้องเสียผลประโยชน์ ได้รับความเดือดร้อน ท่านไกรสร จึงไม่รับพรบ.ฉบับนี้ และนำสส.พรรคประชาธิปัติย์แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากการร่วมรัฐบาล จึงเป็นเหตุให้พลเอกเปรมตัดสินใจยุบสภา
แม้เลือกตั้งแล้วเสร็จพรรคการเมืองต่างๆ ก็ยังยกขบวนมาขอพลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในสมัยที่ 4 ถึงบ้านพักสี่เสาเทเวศน์ แต่พลเอกเปรมก็ได้ปฏิเสธ จนเป็นที่มาของวาทกรรม “ป๋าพอแล้ว”
จากเหตุการณ์ตัดสินใจครั้งนั้น ส่งผลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชองค์การโปรดเกล้าให้พลเอกเปรม เป็นรัฐบุรุษ เป็นองคมนตรี และ ประธานองคมนตรี ถึง 2 รัชสมัย ในเวลาต่อมา พระราชทานยศเป็น พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พลตำรวจเอก อันเป็นสามัญชนเพียงคนเดียวที่มียศ ถึง 3 พลเอก
ส่วนท่านไกรสร ตันติพงษ์ ก็ประกาศเลิกเล่นการเมือง (ดร.เทอดศักดิ์ มาเป็นเลขา) มาทำหน้าที่ ดูแลด้านการเมืองให้พลเอกเปรม อย่างเงียบๆ และเขียนบทความ ให้ความรู้กับนายกรัฐมนตรี และประชาชน จนทำให้การเมืองพลิกผันในหลายยุค หลายสมัย
บทเรียนทางการเมืองในยุคสมัยพลเอกเปรม ทำให้คนไทยได้รู้ได้เข้าใจวาทกรรม “ป๋าพอแล้ว” ที่ท่านยอมเสียสละให้กับประเทศ ยอมลงจากการเมือง เป็นการลงจากหลังเสืออย่างงามสง่า จนเป็นที่ยกย่องของประชาชน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึง 2 รัชกาล
จนในยุคของในหลวงในรัชกาลที่ 10 วันโปรดเกล้าแต่งตั้งรับตำแหน่งประธานองคมนตรี ทรงมีพระราชดำรัส “เชื่อมือป๋า” พลเอกเปรม ได้ทำภาระกิจสุดท้ายก่อนถึงแก่อสัยกรรมอย่างสงบ ด้วยวัย 99 ปี ในงานพระราชพิธีราชาภิเษก
ทรัพย์สมบัติทั้งหมด จากเงินเดือน เบื้ยประชุมในตำแหน่ง ทหาร รัฐมนตรี องคมนตรี ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ที่เคยได้รับมาทั้งชีวิตท่านยังได้ทำพินัยกรรม ให้มูลนิธิพลเอกเปรมนำเงินทั้งหมดไปช่วยเหลือประชาชนที่ยากจน แม้กระทั้งร่างกายก็ยกให้กับโรงพยาบาล เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษา เพื่อรักษาคนป่วยต่อไป
พลเอกเปรม จึงเป็นตำนานของการทำคุณงามความดี ไม่ยึดประโยชน์ส่วนตน เสียสละ เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง จนกลายเป็นรัฐบุรุษแห่งตำนาน 2 รัชกาล 5 แผ่นดิน
“ ตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน แต่ตำนานอยู่ตลอดไป “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
1 มิถุนายน 2562
สำนักข่าววิหคนิวส์