เปลว สีเงินคอลัมนิสต์ชื่อดัง ที่เคยสนับสนุนคสช.เสมอมา ได้โพสข้อความ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับป้าทุบรถ และการคอร์รับชั่นในยุครัฐประหารว่า
กรณี “ทุบรถ” ที่ประเวศ………
คือตัวอย่างยืนยัน
ถ้าไม่ปฏิรูป “ระบบราชการ” แต่ยุคนี้-วันนี้ เมื่อศตวรรษที่ ๒๑ มาถึง ไทยก็ยังยุค “อนารยะ” คงที่
ยุทธศาสตร์ ๔.๐ ที่จะไปถึง ไม่ใช่ประเทศ “มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน”
หากแต่คน “ในระบบราชการ”………
“มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน”
ด้วยระบบ “ไซด์ไลน์”!
ประเทศไทยน่ะ กฎหมายมีพร้อม-มีมากกว่าทุกประเทศในโลกด้วยซ้ำ
แต่เพราะขาด “จิตสำนึก” ในการใช้ตัวเดียว
วัตถุเจริญ สังคมจึงเสื่อมลง..เสื่อมลง!
เหตุการณ์นำไปสู่การทุบรถนั้น วัดทัศนคติสังคมได้มากว่า เป็นสังคมมองปัญหาด้วย “ความรู้สึก” หรือมองด้วย “เหตุผล”?
เหตุเกิดตูม ใช้คำในโพสต์กันว่า “ป้าทุบรถ”
แสดงว่า ผู้โพสต์ตัดสินแค่ภาพที่ตาเห็น แล้วใช้ความรู้สึกทางวัตถุสรุป…คุณป้าเป็นตัวร้าย
แต่ถ้ามองแบบมีจิตสำนึก
จะค้นหาเหตุผลก่อนว่า อะไรเป็นตัวผลักดันให้คุณป้าผู้นั้น จำต้องลงมือขนาดนั้น?
จากใช้คำว่า “ป้าทุบรถ”…..
อาจเปลี่ยนเป็น “คุณป้าเหลือทน” ก็เป็นได้!
“ป้าทุบรถ” ฟังดู เถื่อน-อันธพาล-ด้อยมาตรฐานสังคม ตามนิยาม “มนุษย์ป้า”
แต่ถ้า “คุณป้าเหลือทน” จะให้ทัศนคติทางเห็นใจ-เข้าใจ ว่าคุณป้าต้อง “ถูกกระทำ” ทั้งทางกฎหมายและทางจิตใจ จนสิ้นทางหวัง-ทางพึ่งใดๆ แล้ว
คนเรานั้น เมื่อ “ถึงที่สุด” พึ่งพาใคร-ทางไหน ก็ไม่ได้แล้ว
มันก็มีทางเดียว……..
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ เมื่อ “หลังชนฝา” มันก็ต้องสู้!
เมื่อสู้
กฎหมาย “พึ่งได้” เขต-กทม., ตำรวจท้องที่ ก็ “พึ่งได้” แต่จะมาให้พึ่งชาติไหน ก็ไม่รู้ นั้น
คุณป้า จากผู้ถูกกระทำที่ “ระบบเมิน”
เมื่อคับแค้น ถึงจุดจำต้องพิทักษ์สิทธิตัวเอง กลายเป็นผู้กระทำตำตาทันที
ทุกระบบ……..
ทั้งระบบสังคม ระบบราชการ ปรี่-ปราด กางกฎหมาย-กางกฎระเบียบจัดการ ปานอาชญากรร้าย!?
ก็เข้าใจ ด้วยความไม่เข้าใจ
คือผมเข้าใจ ที่คุณป้าทุบรถเขานั้น ผิดกฎหมายค่อนข้างแรง ๒-๓ ข้อหา
แต่ที่ไม่เข้าใจ ๒ กรณี คือ
กรณีแรก คนที่จอดรถหน้าบ้านคนอื่น ชนิดขวางทางเข้า-ออก แถมใส่เบรกมือไว้ นั้น
แน่ใจนะว่า ในทางสังคม…นั่น คน?
กรณีที่สอง ฟังความแล้ว ทั้งเขต กทม.และทั้งตำรวจท้องที่ ตามที่ให้สัมภาษณ์ตามสื่อ
ผมไม่เข้าใจ ว่าจิตสำนึก “ในเขา-ในเรา” ต่อการทำหน้าที่และการใช้กฎหมาย
ระบบราชการทุกวันนี้ เขาไม่มี-ไม่ใช้ ควบคู่กันแล้วหรือไง?
ฟังตำรวจอ้าง……..
ตรงนั้น ห้ามจอด ๐๖.๐๐-๑๐.๐๐ น. แต่ที่เขาจอด เป็นตอน ๑๑.๐๐ น.จอดได้
พบจอดปิดทางเข้า-ออกหน้าบ้าน ให้โทร.แจ้งตำรวจท้องที่ แจ้ง ๑๙๑ จะมาจัดการให้
กราบตั้งแต่หว่างขายันง่ามตีนละพ่อคุณ พูดได้เพราะจริงๆ บ้านท่านอยู่ตรงไหนมิทราบ?
จะได้ป่าวประกาศว่า……….
ตรงประตูเข้า-ออกบ้านท่าน ใครอยากจะนำรถไปจอด ก็นำไปจอดได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ไม่ต้องเกรงใจ ว่าคนในบ้านจะเข้า-จะออกเวลาไหน?
และที่บอก ให้โทร.แจ้งท้องที่ จะมาจัดการให้ นั้น
ทฤษฎีเพื่อพูด กับความเป็นจริงทางปฏิบัติ สาบานได้มั้ยว่า ตรงกัน?
ทุกวันนี้ คนไปแจ้งความถึงโรงพัก ยังไม่อยากจะรับแจ้ง แล้วบอก มีรถจอดปิดทาง โทร.บอก จะไปจัดการให้
ฟังแล้วปลื้มจี๊ดเลย!
และอย่างที่ ผอ.เขตประเวศให้สัมภาษณ์สื่อทางโทรทัศน์ เรื่องตลาด เรื่องที่จอดรถ นั้น
มีแต่ข้ออ้าง ศาล..ศาล..และ พ.ร.บ.เพื่อจะไม่ทำอะไรเลย จนผมไม่แน่ใจว่า แล้วจะต้องมี ผอ.เขตไปหาวิมานอะไรแบบนี้?
บ้านเมืองไทยทุกวันนี้
ใครเคยเห็นคนทำมาหากินสุจริต ถูกต้องกฎหมาย แล้วรวย สังคมซูฮก-ยกย่องบ้าง ยกมือขึ้นซิ?
เงียบ……..
แล้วใครเคยเห็นคนรวยชนิดไม่มีเหตุผลต้องติดคุก-ติดตะรางบ้าง ยกมือขึ้นซิ?
เงียบ!
นี่คือ “ความจริงที่บัดซบ” ของสังคมไทย คนทำอาชีพสุจริต โดยเฉพาะคนกินเงินเดือน ยันตายยังหาเงินล้านติดตัวไม่ได้
แต่คนใหญ่โตเสริมอาชีพไซด์ไลน์ รวยกันเป็นพัน-เป็นหมื่นล้าน!?
แล้วใครตอบได้มั้ย ว่าระบบราชการและกฎหมายไทยทุกวันนี้
“ปกป้องคนดี, บดขยี้-กำจัดคนเลว” ได้จริง?
เคยได้ยินคติเตือนสังคมทางวิทยุว่า “ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี”
อย่างคุณป้าท่านนั้น ท่านเป็นผู้ดีมานานจนสุดทนแล้ว
ร้องศาลก็แล้ว ร้องเขต ร้องตำรวจก็แล้ว
แต่ยังคงถูก “สังคมเอาแต่ได้-เห็นแก่ตัว” รุกราน-รังแก
ทั้งตลาด ๕-๖ แห่งรายล้อมบ้าน มลพิษควัน-เสียง-กลิ่น ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
มิหนำซ้ำ ทั้งหน้าบ้าน กระทั่งปากประตูเข้า-ออกบ้าน ทั้งร้านค้า ทั้งจอดรถกันเอาแต่ได้
ปีแล้ว-ปีเล่า ไม่เคยมีใครเห็นว่า นี่หน้าบ้านเขานะ เขาก็คนนะ ย่อมมีหัวใจนะ
แล้ววันหนึ่ง เมื่อความคับแค้นในอกคุณป้าระเบิด
โอโห…..
เห็นพร้อมกันหมด สังคมเห็น แม่ค้าตลาดเห็น ตำรวจเห็น เขตเห็น
เห็นคุณป้าเป็นตัวร้าย เฉพาะตอนที่ทุบรถเขา ว่ารุนแรง ผิดกฎหมาย ป่าเถื่อน บอกให้เขาเลื่อนรถก็ได้ ทำไมต้องทุบ
แต่ไม่ยักเห็น “อกเขา”
ที่ทนขมขื่น ทนคับแค้น กับ “สังคมเห็นแก่ตัว” ที่รุมรังแกครอบครัวคุณป้าวันแล้ว-วันเล่า มาแรมปีกันเลย!
คนเมินเฉยกฎหมาย อยู่บ้านเมืองไทย สบายและรวย
คนดำรงตนอยู่ในกรอบกฎหมาย อยู่บ้านเมืองไทย ไม่ตรอมใจ ก็ตายก่อน!
สังคมเป็นจริงวันนี้ มันเป็นอย่างนี้……
กี่แสน-กี่ล้านศพกันแล้วล่ะ ที่ต้องตายไปกับความเจ็บช้ำน้ำใจ อยู่ด้วยความคับแค้น-ขมขื่น
จากระบบกฎหมายและระบบราชการ ไร้จริยธรรมสำนึก?
ดูกรณีคุณป้าท่านนี้ ตรองตามจะเห็น “สังคมเป็นจริง” รอบตัว ขับรถจอดปิดทางบ้านเขา ในทางสังคม ถือว่าร้ายแรง น่ารังเกียจ
ใช้สิทธิอันไม่มีตรงนั้น ไปรุกล้ำสิทธิของผู้อื่น แล้วยังพูดแบบคนด้อยสำนึก
ไม่ผิดกฎหมาย……….
แต่สร้างบาดแผลเหวอะหวะทางจิตใจให้สังคมยากเยียวยา!
เรื่องคนไร้จิตสำนึก ขับรถจอดปิดทางเข้า-ออกบ้านคนอื่น ใครไม่เจอกับตัว ไม่รู้หรอกว่า มันคับแค้นขนาดไหน?
ตามหมู่บ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยเหมือนกัน เขต กทม.ให้คนเห็นแก่ตัว เปิดเป็นร้านค้าใหญ่ๆ แล้วใช้ถนนเป็นที่จอดรถลูกค้า
ผิดมั้ย…?
อาจไม่มีกฎหมายบอกว่าผิด
แต่ทางสังคม การใช้สิทธิร่วมเพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยล่วงล้ำสิทธิและสร้างความเดือดร้อนคนอื่น
มันทำร้ายสังคมอารยมนุษย์ ว่าไปแล้ว ยิ่งกว่าทุบรถอันเป็นวัตถุซะอีก!
ผมจะบอกว่า……
ตรงนี้แหละ “หัวใจ” ประชาธิปไตยแท้จริง
“พิทักษ์สิทธิเรา-เคารพสิทธิผู้อื่น” ทั้งหมด ทั้งมวลบนคำว่าประชาธิปไตย มันมีแค่นี้-ตรงนี้แหละ
ที่แหกปากกันว่า “ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง”
นั้น “ประชาธิปไตยไซด์ไลน์”
เพราะอย่างนั้น ผมจึงบอกแต่ต้น ถ้าไม่ปฏิรูประบบราชการเสียแต่ในยุคเผด็จการนี้ ก็อย่าหวังประเทศไทยจะไปถึง ๔.๐
ในเมื่อเผด็จการไม่แก้ หรือแก้ไม่ได้
คิดหรือว่า ถึงยุค “ประชาธิปไตยไซด์ไลน์” แล้ว นักเลือกตั้งที่เข้าไปเป็น “รัฐบาลไซด์ไลน์”
มันจะคิดแก้?
ขนาดระบบปกครองในเขต กทม.ยังเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่า จาก กทม.ไปถึงระบบปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ ถึงยุครัฐบาลเลือกตั้ง จะเป็นแบบไหน?
เสียเปล่าจริงๆ……..
ผมน่ะ อายุเหลือน้อย ไม่เสียใจ
แต่ “ความหวัง” ที่ไม่เหลือนี่ซี เศร้าใจ!
รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์มีคน “โกง-ไม่โกง” ไม่รู้
ระบบข้าราชการประยุทธ์ “โกง-ไม่โกง” ไม่รู้ แต่ได้ยินที่เขาแถลง สำรวจเมื่อธันวา ๖๐
ดัชนีคอร์รัปชันยุคเผด็จการ สูงขึ้น ๓๗%.
สำนักข่าววิหคนิวส์