เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #เปิดทางให้ชาวบ้าน ! ‘สังศิต’ ชี้เมตตาธรรม บูรณาการหน่วยงาน ให้ชาวบ้านน้ำพุทำกินที่เดิมได้

#เปิดทางให้ชาวบ้าน ! ‘สังศิต’ ชี้เมตตาธรรม บูรณาการหน่วยงาน ให้ชาวบ้านน้ำพุทำกินที่เดิมได้

9 September 2022
290   0

ปาดน้ำตาดีใจ ‘ชาวบ้านน้ำพุ’ ทำกินที่เดิมได้แล้ว

‘สังศิต’ ชี้เมตตาธรรม บูรณาการหน่วยงาน ทางสว่างแก้ปัญหาบรรลุ

‘ป่าไม้’ เปิดทางชาวบ้านน้ำพุเข้าทำกินที่เดิมได้
‘ตำรวจ’ เป็นเกษตรกรจริง ไม่ฟ้อง ‘กลับบ้านหลับให้สบาย ไม่ต้องเครียด’

 

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 9.00 น ห้องประชุม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดเลย คราคร่ำไปด้วยพี่น้องชาวบ้านน้ำพุที่ถูกดำเนินคดีกรณีรุกป่าประมาณ 30 คน เพื่อเข้ารับฟังคำชี้แจงแนวทางแก้ปัญา
การดำเนินคดีและโอกาสกลับเข้าทำกินในที่ดินเดิมได้อีกครั้ง ด้วยความหวังที่รอคอยมาร่วมสิบปี !!

การประชุมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นนัดชี้ชะตาชาวบ้านน้ำพุ ประกอบด้วย ผู้แทนระดับนำตัดสินใจได้ ดังนี้ นายณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ พลตำรวจตรี สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย พันเอก สมหมาย บุษบา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย ฝ่ายทหาร พันตำรวจโท บุญชู มีศรี รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรด่านซ้าย พร้อมพี่น้องชาวบ้านน้ำพุ 30 คน นั่งฟังคำชี้แจงอย่างใจจดจ่อด้วยแววตาแห่งความหวังระคนด้วยความไม่แน่ใจ

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวเปิดประชุมว่า ‘การประชุมวันนี้ (7 กันยายน 2565) การแก้ปัญหาให้ตกไปจริงๆ หากใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวจะแก้ได้ยากมากหรือแก้ไม่ได้เลย จึงจำเป็นต้องใช้หลักเมตตาธรรม หลักอภัยทานและการใช้กฎหมายให้อยู่บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักประสิทธิภาพและประสิทธิผล และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้จริงที่ประชาชนสมควรได้รับจากภาครัฐ (outcome) จึงจะแก้ปัญหาได้ หรือเรียกว่าการใช้หลักกฎหมายอย่างมีเมตตาธรรมต่อประชาชนเป็นพื้นฐานแก้ปัญหาร่วมกัน’

จากนั้นนายสังศิตได้เชิญ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาที่ทำกินให้กับพี่น้องชาวบ้านน้ำพุที่ร่วมประชุม สรุปได้ว่า

‘…ขอได้เข้าใจว่า กรมป่าไม้ไม่ปรารถนาจะรังแกพี่น้อง การทวงผืนป่าเป็นเรื่องต้องทำ เพราะเป็นผืนป่าประเทศของเรา บ้านน้ำพุเป็นผืนป่าต้นน้ำป่าสัก…’

‘กรมป่าไม้ไม่มีวันทอดทิ้งประชาชน คนที่ทำกินอยู่ในป่าจะไม่ต้องไปไหนกลับไปทำกินในที่เดิมได้’

ขั้นตอนก็คือให้พี่น้องประชาชนขอให้ข้อมูลกับคณะทำงาน 4 ฝ่าย ที่ได้ตั้งไว้แล้ว (ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง กอ.รมน.และตำรวจ) ให้มากที่สุด อันนี้เป็นขั้นตอนแรก เป็นการแก้ปัญหาเรื่องคดีความก่อนจะแบ่งเป็นตามการแก้ไขปัญหาประมาณ 3 ขั้นตอน คือ

1. เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสามารถไม่ถูกดำเนินคดีโดยใช้ระเบียบกฎหมายที่มีอยู่มาช่วยตรงนี้

2. พี่น้องประชาชนที่เคยทำกินอยู่ตรงไหนก็กลับไปทำกินที่เดิม ต้องที่เดิม ต้องจำให้ได้ว่าเดิมของเราอยู่ตรงไหน อย่าไปทำกินเกินกว่าที่เราเคยครอบครอง

ถ้าตรวจสอบเจอช่วยไม่ได้แล้ว อ.สังศิต ก็ช่วยไม่ได้ ผมก็ช่วยไม่ได้เพราะไปทำเกินไปปลูกใหม่ และจะไม่มีกติกาอะไรมาช่วยได้เลย หลังจากปี 2557 ต้องมีกติกา พี่น้องประชาชนต้องมีกติกา กลับไปทำกินที่เดิม

‘จะมีการพิจารณาที่ดินประมาณ 100 กว่าไร่ ต้องคุยกับฝ่ายปลูกป่า ฝ่ายป่าไม้ในรายละเอียด เพราะทราบว่าไปปลูกป่าซ้อนทับกันอยู่กับที่ทำกินของพี่น้อง ตรงนั้นไม่เป็นไร จะหาพื้นที่หรืออาจจะขยับนิดหน่อย หรืออาจไม่ขยับเลย จะดูในรายละเอียด’

‘นี่คือขั้นตอนที่สอง คือเข้าไปทำกินเพื่อไม่ให้เดือดร้อน อยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ทำอะไรก็อยู่ตรงนั้นก่อน ในช่วงที่ต่อสู้คดี’ รองอธิบดีกรมป่าไม้ย้ำ และชี้แจงอีกว่า

3. ต้องจัดพื้นที่ทำกินให้จบในกระบวนการ หมายถึงตอนคดีจบ แต่ต้องมาขั้นตอนที่ 3 จะต้องได้รับการจัดเข้า คทช. เราจะเอา คทช. ไปใช้ เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนที่มีคุณสมบัติที่จะได้ที่ทำกินตามนโยบายรัฐ ก็คือ คทช. ก็ต้องได้ ทั้งหมดต้องทำคู่ขนานกัน

‘และขอแจ้งว่า วันนี้พื้นที่ตรงนี้ต้องปลอดคดี ทราบว่ามีคดีที่พี่น้อง 4-5 ราย ไปร้องเรียนทนายท่านหนึ่งฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ คือคดีตรงนี้ ถ้ามันมาซ้อนอยู่ มันก็จะเดินต่อไม่ได้ ต้องปลดล็อคทีละอย่าง เพราะทั้งหมดทั้งปวงนี้ถือว่าเป็นของกลางในคดี ถ้าฝ่ายโจทย์หรือฝ่ายจำเลยท่านใดท่านหนึ่ง อย่างเช่นผมบอกให้พี่น้องประชาชนกลับเข้าไปทำกิน ฝ่ายจำเลยคือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ถูกฟ้องอยู่ เขาอุทธรณ์มาบอกว่า ผมไม่ยอม เพราะตรงนี้มันเป็นของกลางในคดีใครจะไปแตะต้องอะไรไม่ได้ พี่น้องประชาชนก็กลับเข้าไปทำกินไม่ได้ ซึ่งอาจารย์สังศิตจะได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคที่พี่น้องจะกลับเข้าไปทำกิน’ นายชีวะภาพ กล่าวในที่สุด

นายสังศิตได้เชิญ พลตำรวจตรี สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเลย ชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อมาว่า

‘เรียนให้ทราบว่า ตอนนี้มีอยู่ 27 คน ที่ยังถูกดำเนินคดีอยู่ จะหายไปไม่ได้ จะต้องมีความเห็นและส่งอัยการ อัยการจะเป็นคนสุดท้ายที่จะมีความเห็นว่าสั่งฟ้องหรือสั่งไม่’

‘ในส่วนของตำรวจ เมื่อฟังจากท่านประธาน ที่บอกว่ามีคณะกรรมการที่จะดำเนินการเรื่องที่เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติ ถ้าเมื่อไรคุณสมบัติถูกต้อง หมายถึงว่าเป็นเกษตรกรจริง ท่านกลับไปนอนหลับฝันดีได้เลย เพราะผมจะต้องเป็นคนเซ็นสำนวนคนสุดท้ายของตำรวจเพื่อที่จะส่งอัยการ’

‘ผมยืนยันได้ว่าท่านกลับไปนอนหลับฝันดีได้เลย เพราะแนวทางของผม คือ ถ้าท่านเป็นเกษตรกรตัวจริง เป็นชาวบ้าน ไม่ใช่นายทุน เป็นเกษตรตัวจริงเสียงจริง อย่างที่บอกนะว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปท่านกลับไปนอนหลับฝันดีได้เลย ไม่ต้องไปเครียดคิดมากนะครับ แต่ก็เรียนท่านประธานว่า ขอให้ท่านประธานประสานทางอัยการด้วย’ ผู้กำกับการตำรวจชี้แจงจบพร้อมกับเสียงปรบมือจากชาวบ้านและผู้เข้าร่วมด้วยความพึงพอใจ

จากนั้นนายสังศิต ได้ถามพี่น้องชาวบ้านน้ำพุว่าพึงพอใจหรือถามเพิ่มเติมได้หากยังมีข้อยังไม่เข้าใจ โดยขอให้ ‘ลุงบอง’ แสดงความเห็นถึงแนวทางแก้ปัญหาที่ได้ฟังในวันนี้…

เจ้าหน้าที่เดินไปเปิดไมค์ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ลุงบอง ทุกสายตา
ต่างเห็น ‘ลุงบอง’ ยกมือปาดน้ำตา ได้ยินเสียงพูดแผ่วเบาว่า

‘ปลื้มใจ ดีใจ พอใจแล้ว’ พร้อมกับเช็ดน้ำตาอีกครั้ง

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวขอบคุณนายณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ พลตำรวจตรี สุรชัย สังขพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเลย พันเอก สมหมาย บุษบา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย ฝ่ายทหาร และพี่น้องชาวบ้านน้ำพุผู้เข้าร่วมประชุม ก่อนปิดการประชุม

ภายหลังปิดการประชุมแล้ว นายสังศิตได้เชิญเกษตรกรสี่ท่านที่ไปลงชื่อเป็นพยานให้มีการฟ้องร้องข้าราชการในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกันหารือถึงทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ข้อยุติร่วมกันว่ายินดีที่จะถอนตัวจากการเป็นพยานในการฟ้องร้อง

ในเช้าวันนี้ (9 ก.ย.65) ผมได้รับแจ้งจากท่านผู้การจังหวัดว่าได้มีคำสั่งถึงท่านผู้กำกับว่าสำหรับสำนวนของเกษตกรทั้ง 27 รายนั้น ท่านจะเป็นผู้ ตรวจสำนวนและพิจารณาเห็นชอบก่อนส่งสำนวนให้ท่านอัยการด้วยตัวท่านเอง

บ่ายวันนี้ผมได้นัดกับเกษตรกรเพื่อให้พบกับคุณสัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ที่ปรึกษาของคณะอนุกรรมการด้านคุณภาพชีวิตเพื่อให้คำแนะนำเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์และพืชที่สมควรปลูกที่เป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้และจะช่วยดูแลเรื่องการตลาดในระยะยาวให้อีกด้วย

 

สวัสดีครับ…จากผมเอง

 

สังศิต พิริยะรังสรรค์

ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา

9 กันยายน 2565