เปิด 4 จว รับนทท.ต่างชาติ
ต่อลมหายใจภาคธุรกิจ
แต่ต้องมีคนรับผิดหากพลาด
ไม่มีใครปฏิเสธความจำเป็นต้องต่อลมหายใจให้ภาคธุรกิจ รวมถึงลูกจ้างพนักงานที่อาศัยรายได้เพื่อปากทัองตนเองและครอบครัว โดยแนวทางเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ประเดิมจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต่อด้วยสมุยพลัส 3 เกาะ(สมุย พงัน เกาะเต่า) และต่ออีก 2 ที่เดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องถึงกันได้ ทั้งกระบี่(พีพี เกาะไหง ไร่เล) และพังงา(เขาหลัก-เกาะยาวน้อย-เกาะยาวใหญ่)
ตอนนี้ที่กำลังจ่อเปิดเพิ่มอีก 4 จากเดิม 5 ในวันที่ 1 ต.ค.นีั คือชลบุรี(พัทยา-บางละมุงและใกล้เคียง) เพชรบุรี(ชะอำ) ประจวบฯ(หัวหิน) และเชียงใหม่(อ.เมือง- แม่แตง-แม่ริม-ดอยเต่า) ส่วนกรุงเทพฯ ขยับเลื่อนออกไปเป็น 15 ต.ค.
แต่ที่กังขาค้างคาใจ คือเหตุผลที่กทม.ต้องเลื่อนไปอีก 14 วัน คือเพราะยอดฉีดวัคซีนยังไม่ได้ตามเป้า 70%ของประชากรในกรุงเทพฯทั้งหมด ทั้งที่เป็นนครหลวงเมืองใหญ่ของประเทศ ที่สำคัญ สถานที่ฉีดวัคซีนมีเยอะที่สุด ทั้งจากรพ.ในระบบหมอพร้อม สถานีกลางบางซื่อของก.คมนาคม จุดฉีด 25 แห่งของกทม.กับหอการค้าไทย และจุดฉีดอีกหลายแห่งของก.แรงงาน ยังไม่นับอีกหลายแห่งที่เปิดให้บริการวัคซีนหลายยี่ห้อ
แต่รวมเสร็จสรรพคนกรุงเทพฯได้รับวัคซีน 2 เข็มแลัวแค่ 37% ยังเหลืออีกตั้ง 33% แล้วนับประสาอะไรกับ 4 จังหวัดที่จะเร่งเปิด 1 ต.ค. เพราะดูจากตัวเลขไม่เป็นทางการแล้ว ยังมีคนฉีด 2 เข็มได้ไม่ถึง 30% ยิ่ง จ.ประจวบฯ ตัวเลขประมาณ 12% เท่านั้น ด้วยอัตราที่ว่านี้ แม้จะมีการโหมโปรโมทว่าจะเร่งฉีดนับจากนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ 24 ก.ย.วันมหิดล จะฉีดให้ได้ทั่วประเทศ 1 ล้านโด๊ส แต่ถึงอย่างไีร ก็ไม่ถึง 70% ของประชากรอยู่ดี
เท่ากับการเร่งรีบเปิด 1 ต.ค.ไม่ได้ยึดหลักการหรือระบบสาธารณสุขที่ทั่วโลกยึดเป็นหลักสากลแต่อย่างใด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จะออกโรงเตือนห่วงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ๆ จะมีผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน การเปิดประเทศให้มีท่องเที่ยวเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องนำกรณีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาเป็นบทเรียนด้วย เพราะแมัจะฉีดครบ2 เข็มและเปิดเฉพาะบางพืันที่ก็ยังมีการติดเชื้อ
ขณะที่ประเทศไทยมีคนฉีดวัคซีนเข็ม 2 แค่ 18% จึงควรจะชะลอออกไปก่อนสัก 1 เดือน รอใหัฉีดเข็ม 1 สัก 60% เข็ม 2 สัก 40-50% ก่อน เพราะหากการแพร่ระบาดกลับมาอีก บุคคลากรทางการแพทย์ที่ยังอไม่ได้พักเลยต้องกลับมาเหนื่ยกันอีก ทั้งยังต้องเจอกับปัญหาเตียงคนไข้ เตียงไอซียู อุปกรณ์การแพทย์ ต้องมีพอเพียง
ื
ถือเป็นการกระตุกเตือนให้คิดอย่างรอบคอบเสียก่อน ที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจควรรับฟัง
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมด้วยว่า การเดินหน้าผลักดันในเรื่องที่มีความเสี่ยงและอาจมีผลสะท้อนกลับ ส่วนใหญ่มักจะมีแต่คนรับชอบ ส่วนคนรับผิดแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมี แมัแต่กรณีโควิด 19
ตั้งแต่ฝ่าฝืนคำสั่งปิดสนามมวยจนแพร่ระบาดระลอกแรก และเปิดผับบาร์ย่านทองหล่อทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการในระลอก 2 ถึงวันนี้ ก็ไม่มีใครรับผิดชอบต่อความสูญเสียมหาศาลที่เกิดขึ้นสักคน
ประจักษ์ มะวงศ์สา