คู่สามีภรรยา “จูน กษมา“ และ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม กรณีชายแปลกหน้าบุกเข้ามาถึงในบ้าน พร้อมอ้างตัวว่าเป็น “เพื่อน” ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งก่อนหน้าที่เจ้าตัวและภรรยาจะเดินทางมาแจ้งความก็ได้มีการโพสต์คลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านลงอินสตาแกรม เพื่อสืบหาเบาะแสและเตือนภัยให้กับครอบครัวอื่นๆ เพื่อเป็นอุทาหรณ์
โดยหลังจากที่ เปิ้ล นาคร และ จูน กษมา ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเสร็จ ทั้งคู่ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าวกับสื่อมวลชนว่า…
เปิ้ล – วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็แนะนำให้ลงบันทึกประจำวันไว้ครับ เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว ซึ่งหลังจากนี้เขาก็จะดูแลความปลอดภัยให้เราต่อ และตามหาชายคนนั้นอีกทีเพื่อสืบสวนว่าเขาทำเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร
เปิ้ล – ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอ่อ…เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งจูนเขาเป็นคนโทรหาผม บอกกับผมว่าช่วงบ่ายๆ มีคนเข้ามาหาผม ขับรถเข้ามาในบ้าน แต่ตอนนั้นจูนก็ไม่อยู่บ้านนะ เขามาถามหาพี่เปิ้ล ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ยการที่เพื่อนหรือคนรู้จักมาหาผมแล้วขับรถเข้ามาในบ้านเลย มันไม่มีนะครับ ถึงสนิทกันมากแค่ไหนเขาก็จะจอดรอหน้าบ้านแล้วกดออดเรียกให้เราไปรับ ซึ่งคนในคลิปคนนี้เขาขับเสียบเข้ามาในบ้านเลย แถมยังเดินเปิดประตูบ้านเข้ามาเลยด้วย
เปิ้ล – ในบ้านตอนนั้นก็มีพี่เลี้ยงกับเด็กๆ อยู่ แล้วก็มีคุณป้าอยู่ด้วยอีกคน ซึ่งพอชายคนนี้เขาเปิดประตูเข้ามา เขาก็ถามเลยว่า “ปอน นา เคิ้ล” อยู่ไหม “เปิ้ล นาคร” แล้วก็ถามต่ออีกว่า ผมเนี่ยออกไปไหน จะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ เย็นนี้จะกลับมาไหม จากนั้นก็ชี้ไปทางคุณป้าและก็ถามอีกว่า ใช่เมียเปิ้ลใช่ไหม นั่นลูกหรือเปล่า ซึ่งผมมองนะว่าถ้าเขาไม่รู้จักคุณจูน ไม่รู้จักเด็กๆ แบบนี้ เราก็คงไม่รู้จักกันแน่ๆ แต่ว่าตอนนั้นที่ผมฟังเรื่องจากจูน ผมก็บอกให้เขาใจเย็นๆ ก่อนนะไม่อยากให้เขาคิดมาก จนกระทั่งผมกลับถึงบ้านเราถึงได้ดูกล้องวงจรปิดพร้อมกัน และก็เห็นเหมือนในคลิปเลยครับ ผมไม่เคยมีเพื่อนหน้าตาแบบนี้ เพื่อนผมไม่เคยเรียกผมว่า “ปอน นา เคิ้ล” ดังนั้นไม่ใช่แน่นอน และที่สำคัญท่าทางของเขาก็ดูไม่น่าไว้วางใจด้วย เราก็โพสต์คลิปวีดีโอออกไป
เปิ้ล – ปรากฏว่าหลังจากที่เราโพสต์คลิปได้ไม่นาน ก็มีเจ้าของรถคันที่เห็นในคลิปขับมาหาเราที่บ้าน “เขาบอกว่าเขาเดือดร้อน เขาเป็นเจ้าของรถจริง แต่ว่าเขาไม่รู้เรื่อง มีคนขับรถเขาไป” ซึ่งเราก็คิดว่าเราน่าจะมาถูกทางแล้ว ดังนั้นมันเลยเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจว่าเรามาหาตำรวจดีกว่า คือผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะครับ แต่ผมคิดว่าน้องเขามองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า เพราะเขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าของรถจริง แต่มีคนมาขอขับรถเขา เขาก็เลยถอยไปนั่งเบาะหลังโดยให้คนที่เขาไม่รู้จักขับรถเขาไปไหนก็ได้ และก็ขับรถมาหาบ้าน “ปอน นา เคิ้ล” ซึ่งผมก็ถามเขานะว่ารู้จักคนในคลิปหรือเปล่า เขาก็ยืนยันว่าไม่รู้จัก ผมก็เลยไม่รู้ไงว่า เรามองโลกในแง่ร้าย หรือว่า น้องเขามองโลกในแง่ดีกันแน่ อันนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของทางทางเจ้าหน้าที่ที่เขาจะต้องดำเนินการต่อไปครับ
เปิ้ล – ตอนนี้ทางเจ้าหน้าตำรวจที่บอกว่า ผู้ชายคนนั้นตอนนี้เขารู้ตัวแล้ว และก็กำลังติดต่อกันอยู่ แต่ในส่วนของเจตนาอันนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไร และเขาไปขับรถคนอื่น มาบ้านคนอื่นเพื่ออะไร ส่วนเรื่องที่ถ้าหากเขามาแล้วมีอาการเหมือนจิตไม่ปกติ อันนี้มันก็ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่นะครับ คือง่ายๆ เลย เขาขับรถได้ยังไง และเจ้าของรถไม่รู้เหรอว่าให้คนจิตไม่ปกติขับรถตัวเองอยู่ รถไม่ส่ายไปส่ายมาเหรอ หรือถ้าหากขับเข้าไปในบ้านเราแล้วจับลูกเรา อย่างนั้นมันก็น่ากลัวนะครับ
จูน – จริงๆ แล้วทางหมู่บ้านก็มียามนะคะ และเราก็กำลังเช็คอยู่ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจากที่ถามน้องเจ้าของรถ เขาก็บอกว่าพี่คนอ้วนๆ ในคลิปบอกกับยามว่ามาบ้าน ปอน นา เคิ้ล ยามก็ให้เข้า (หัวเราะ) จริงๆ ตามกฏหมู่บ้านมันต้องมีการตรวจบัตร แต่เท่าที่ทราบคือเหมือนยามเขาเคยขอตรวจบัตรเวลามีคนเข้าออก แล้วปรากฏว่าคนตรวจบัตรโมโห ยามก็เลยใจดีกลัวคนอื่นโมโหเลยปล่อยไป มันก็เลยไม่มีการตรวจบัตรครับ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อันตรายมากๆ
จูน – สำหรับบ้านของเราถามว่าเปิดประตูทิ้งไว้ตลอดไหม คือจูนต้องเล่าก่อนว่าบ้านของเราอยู่ในสุดของหมู่บ้านเลย เป็นบ้านหลังสุดท้าย คือไม่สามารถมาหลงหน้าบ้านเราได้แน่นอน เพราะบ้านเราไม่ใช่บ้านทางผ่าน ดังนั้นถ้าจะขับมาถึงบ้านเราก็มีแค่สองอย่างคือ ถ้าไม่มาหาบ้านเราก็มาหาบ้านตรงข้าม ส่วนเรื่องที่เราไม่ได้ปิดประตู ก็เพราะเมื่อหลายปีก่อน ประตูมันเคยหล่นทับรถแบบหล่นแรงมาก ทับรถทะลุเลย ขนาดผู้ชาย 3 คนช่วยกันยกยังเอาไม่ไหว เราก็เลยกลัวว่าถ้าหากประตูมันทับเด็กๆ หรือทับผู้ใหญ่ในบ้านมันจะเป็นยังไง ยิ่งลูกเราแต่ละคนก็ซนมากด้วย วิ่งเล่นหน้าบ้านตลอด มันก็เลยเป็นสาเหตุที่เราไม่ได้ปิดประตู
จูน – ถามว่าหลังจากนี้จะทำยังไง เอ่อ…มันไม่ได้เกี่ยวกับประตูหรอก เพราะประตูบ้านถ้าหากเขาจะเข้าจริงๆ แค่กระโดดก็ผ่านได้แล้ว แต่โอเคเราก็ยอมรับว่ามันอาจจะต้องมีมาตราการที่เข้มงวดมากกว่านี้ที่เราจะต้องกลับไปคิด
เปิ้ล – จริงๆ กล้องวงจรปิดก็ช่วยได้นะครับ แต่มันช่วยได้หลังจากเกิดเรื่องแล้ว อีกเรื่องคือขอบคุณพลังโซเชียลด้วยที่รีบตามกันจนเจอว่ารถคันนี้เป็นของใคร และคนในคลิปเป็นใคร เรื่องมันก็เลยง่ายขึ้นพอมาถึงมือเจ้าหน้าที่ เราก็สบายใจมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ยังอันตรายอยู่ดีสำหรับทุกๆ บ้าน
เปิ้ล – ส่วนเรื่องคดีความหลังจากนี้จะเป็นยังไง จริงๆ ก็คงต้องดูก่อนครับ คือถ้าเขาจิตไม่ปกติจริงๆ เราก็คงทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เพราะก็สงสารเขา แต่ที่เหลือตอนนี้พี่เปิ้ลก็บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ว่าช่วยดีไซน์ชีวิตให้ผมหน่อยในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งพี่ตำรวจเขาก็รับปาก (ยิ้ม)
Cr. Sanooknews
สำนักข่าววิหคนิวส์