ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า
Deadlock การเมือง
30 พ.ย. จะกำหนดทาง 2 แพร่ง Deadlock การเมือง หรือ สงครามกลางเมือง รอบนี้ศาล รธน.จะเป็นผู้ชี้ชะตา ว่าจะเดินไปทางไหน เพราะพลาด ตั้งแต่ต้นปล่อยให้แก้ไขรธน.ในปี 63 ตามข้อเรียกร้องของม็อบ 3 นิ้ว หวังให้หยุดต่อต้าน 112
แต่โอกาสจะเกิด Deadlock มากกว่า เพราะ รธน.ที่แก้ไขมาจนเป็นกฎหมายลูก ขัดต่อรธน.เกี่ยวข้องกับ ส.ส.พึงมี หากขัดรธน.ตามคำพิพากษา กม.ลูกใหม่ แม้แก้ กม.ลูกใหม่ก็มีโอกาสผิดอีก ต้องกลับไปแก้ รธน. แม้รัฐบาลจะออก พรก.เลือกตั้งใหม่ ก็เสี่ยงคุก เพราะจะขัดต่อ รธน.ซ้ำอีก ที่สำคัญสภาผู้แทนฯจะหมดอายุ 23 มี.ค.66 ยังไงก็แก้ไม่ทันแก้ ในสภาชุดนี้
จากคำพิพากษาที่ผลส่งให้ ผู้กระทำความผิด ออกกฎหมายขัดต่อ รธน. ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.-ส.ว. ฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล เพราะคำพิพากษาของศาล รธน.ย่อมผูกพันทุกองค์กร ย่อมมีผลทางอาญาตามมาด้วย
หาก ศาล รธน.ให้ กฎหมายลูก 2 ฉบับผ่าน จะเป็นเกมที่เขากำหนด เมื่อเขาชนะจะเกิดนิรโทษกรรมสุดซอย เดินหน้าสู่การเปลี่ยนการปกครอง อ้างยกเลิก 112 การชุมนุมประท้วงจะเกิดขึ้นจากฝ่ายต่อต้าน ทุกอย่างก็จะวนมาที่เดิม ก็ต้องเลือกเอาว่าจะเดินไปทางไหน
“ ผู้นำต้องมีความสามารถในการมองเห็นอนาคต และต้องสามารถนำพาองค์การและองค์กร ก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคต “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
14 พฤศจิกายน 2565