วันนี้ (27 มี.ค.) กรมราชทัณฑ์เผยแพร่เอกสารชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์ที่ประชาชนสนใจว่า การควบคุมตัวผู้ต้องขังและผู้ต้องกักขังกลุ่มแกนนำคณะราษฎรขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขัง จำนวน 5 แห่ง คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำพิเศษธนบุรี เรือนจำอำเภอธัญบุรี ทัณฑสถานหญิงกลาง และสถานกักขังกลาง ซึ่งทุกคนยังคงปลอดภัย สุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ และพบว่า หลายคนเริ่มปรับตัวได้ และลดความวิตกกังวลลงแล้ว โดยเบื้องต้น ยังไม่ได้รับแจ้งว่ามีผู้ต้องขังรายใดอดอาหารเพิ่มตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในรายนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ยังคงมีแค่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน รายเดียวเท่านั้นที่ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารอยู่
อาการล่าสุดของนายพริษฐ์ เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) แพทย์ห้วงเวลาได้เข้าตรวจอาการ พบว่าระดับความรู้สึกตัวยังดี มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และยังคงมีผื่นคันบริเวณหน้าอกและหลังอยู่ ซึ่งแพทย์ได้ยืนยันการรักษาตามแผนเดิม คือ การรับประทานยา และทายาร่วมเพื่อรักษาอาการภูมิแพ้และผื่นคัน ส่วนเช้าวันนี้ (27 มี.ค.) การวัดสัญญาณชีพยังปกติ อุณหภูมิ 36.5 องศาเซลเซียส ชีพจร 78 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 122/78 มิลลิเมตรปรอท น้ำหนัก 105 กิโลกรัม ไม่มีอาการบ่งชี้ว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และได้ดื่มน้ำ น้ำหวาน นม และเกลือแร่เพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลทดแทนการรับประทานอาหาร ส่วนอาการทั่วไปยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เอง สามารถพูดคุยกับทนายความส่วนตัวและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีความได้ และยังนอนหลับได้ปกติ ไม่มีความวิตกกังวล
กรมราชทัณฑ์ขอเรียนเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทุกคน พร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อควบคุม ดูแล แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังทุกคนให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้หลักของความเท่าเทียมตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่สามารถที่จะเลือกปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ต้องสามารถตรวจสอบได้ภายในกรอบที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีความยินดีที่จะไขข้อข้องใจในประเด็นต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบในทุกประเด็น แต่เนื่องจากบางประเด็นอาจจะมีความละเอียดอ่อน ต้องรอการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อความชัดเจน และไม่ให้มีการผิดพลาดเกิดขึ้น จึงจะต้องมีระยะเวลาในการดำเนินการพอสมควร จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจการทำงานและรอติดตามการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจน มากกว่าจะเชื่อกระแสข่าวลือที่อาจจะสร้างความเข้าใจผิดได้