หลังนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ปราศรัยบนเวทีการชุมนุม 19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร ที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนที่ผ่านมา เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมถอนเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพราะความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ในวันนี้ (20 ก.ย.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายรายโพสต์ข้อความสนับสนุนข้อเรียกร้องของแกนนำนักศึกษา และ #แบนscb มีผู้ใช้มากกว่า 3 แสนครั้ง สูงสุดติดอันดับที่ 4 ของวัน
ทวิตเตอร์ ITRC@charoenpura ของ ทราย เจริญปุระ นักแสดงที่เข้าร่วมกับผู้ชุมนุมประท้วง แจ้งเตือนผู้ที่ต้องการบริจาคเงินช่วยการชุมนุม ไม่ให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เพราะจะปิดบัญชี ไปเปิดใช้ธนาคารอื่นแทน ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกหลายรายประกาศว่าจะไปปิดบัญชีเช่นกัน
บีบีซีไทยสอบถามไปยังธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้รับคำตอบว่าไม่สะดวกให้ความเห็นเนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหว
ไทยพาณิชย์เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2449 เว็บไซต์ของธนาคารระบุว่า ธนาคารดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยมายาวนานนับศตวรรษ ด้วยความยึดมั่นในหลักจริยธรรมทางธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียคือ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงาน โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมเพื่อเป็นรากฐานที่ดีในการสร้างสังคมที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่าปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรก ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด และสำนักงานประกันสังคม ขณะที่ พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขาธิการ เป็นกรรมการคนหนึ่งของธนาคาร
การเรียกร้องให้เลิกสนับสนุนการดำเนินการของธนาคารพาณิชย์อาจทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในฮ่องกง ซึ่งผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องไม่ให้ใช้บริการธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) และกล่าวหาว่าเอชเอสบีซีช่วยเหลือตำรวจให้จัดการกับกองทุนแห่งหนึ่ง ที่ตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับกองทุนจำนวน 4 คน ฐานฟอกเงิน