‘ล้มเลือกตั้ง’ ติดคุกแล้ว
แต่ ‘ผู้ก่อการรัฐประหาร’ ยังลอยนวล
—–
ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกกลุ่มแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
.
เป็นปรากฎการณ์ที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา สะท้อนไปถึงการสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนในสังคม ช่วงวิกฤต กปปส. ปลายปี 2556 – ต้นปี 2557 ที่มีการระดมพลปิดถนน ยึดสถานที่ราชการ ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ เลยเถิดไปถึงการข่มขู่ปิดประเทศ ไม่นับรวมความรุนแรงต่างๆ นานา สร้างผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
.
แม้จะมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ก็กลับมีการก่อเหตุขัดขวางการเลือกตั้ง ปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง และปฏิบัติการปิดคูหาเพื่อ “ล้มการเลือกตั้ง”
.
ภาพจำที่หลายคนไม่เคยลืม คือ เหตุบุกล้อมปิดหน่วยเลือกตั้งและการรุมทำร้ายประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
.
ด้วยเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ เป็นเหตุให้ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุว่าไม่สามารถกระทำการเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ทั้งราชอาณาจักร
.
หลังจากนั้นไม่กี่วัน “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” ที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ก่อการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
.
หลังรัฐประหาร สื่อมวลชนเผยแพร่บทสัมภาษณ์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ระหว่างงานเลี้ยงของกลุ่ม กปปส. ระบุถึงความสัมพันธ์กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีเนื้อหาถ้อยคำโยงให้เห็นถึงเบื้องหลังการยึดอำนาจ
.
ในวันนี้ แกนนำ กปปส. ได้ถูกศาลอาญาพิพากษาให้จำคุก จากการกระทำที่เคยได้ก่อไว้ แต่คณะรัฐประหารกลับยังลอยนวล ไม่ได้หายไปไหนและไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ เพราะได้นิรโทษกรรมตัวเองเอาไว้แล้วผ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ทำให้ผลพวงต่างๆ จากการรัฐประหารยังมีผลใช้บังคับจนถึงทุกวันนี้
.
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในภารกิจสำคัญของพรรคเพื่อไทย จึงจะต้องผลักดันทุกวิถีทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้สำเร็จ เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง คืนความกินดีอยู่ดี คืนอนาคตและความหวังให้กับพี่น้องประชาชนอีกครั้ง
.
.