เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ก.พ.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า หลายคนพูดตรงกันว่าเราจะต้องสร้างประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง โดยการทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง มีฐานประชาชนที่กว้างขวาง และพรรคต้องไม่เป็นของนายทุน พวกตนเห็นด้วย และปรารถนาอยากให้เป็นมานานแล้ว
“วันนี้ขอให้ชาวบ้านสมัครสมาชิกพรรค ชาวบ้านหันข้างให้เลย ยิ่งต้องเสียค่าสมัครยิ่งไปกันใหญ่ ชาวบ้านบอกรักพรรค แต่ไปไหว้วานขอให้สมัคร บอกเบื่อ แถมยังถามกลับด้วยว่าจะอยู่ได้ยาวแค่ไหน เพราะไม่รู้กี่รอบแล้วทั้งยึดอำนาจ ทั้งยุบพรรค” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า อยากให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ต้องเลิกยึดอำนาจ เลิกยุบพรรค เพราะสมาชิกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปตัดสิทธิ์เขาไม่ได้ ใครผิดก็ตัดสินคนนั้น อย่ากีดกันประชาชนออกจากการเมือง ความจริงต้องทำให้ประชาชนเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ง่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าสร้างกำแพงกันประชาชน
ส่วนการทำไพรมารี่โหวต พรรคเพื่อไทยไม่ปฏิเสธ เราอยากทำมาก แต่ขอทำแบบระดับจังหวัดก่อนได้หรือไม่ อย่าเพิ่งเขียนลึกลงในรายละเอียดทำไพรมารี่ระดับเขต เพราะจะเป็นการฆ่าตัดตอนพรรค เรื่องนี้ต้องทำ แต่ต้องให้เวลากับพัฒนาการทางการเมืองให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน
ต่อมาเวลา 12.35 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า ไม่ใช่เพราะเราไม่เคยถูกยุบพรรค จึงเห็นด้วยกับไพรมารี่ เราเห็นด้วยเพราะการเมืองต้องเป็นเรื่องอุดมการณ์ของบุคคล เป็นเรื่องของพรรคที่ไม่มีเจ้าของ แต่ทุกพรรคต้องร่วมมือมีเป้าหมายเดียวกัน โดยออกแบบให้เป็นพรรคเชิงอุดมการณ์ สมาชิกพรรคมีบทบาท แต่ปรับลดจำนวนขั้นต่ำลง ไม่ใช่ปรับไม่ให้มีเลย ส่วนการคัดเลือกคนเข้าสู่ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ให้เป็นเรื่องของพรรค แต่บังคับทำไพรมารี่กับผู้สมัครระบบเขต
ขณะเดียวกันบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในปัจจุบัน เรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมือง มีความไม่ชัดเจน แม้แต่การต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียงก็ทำได้ไม่ชัดเจน ดังนั้น อาจถึงจุดต้องรื้อพ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. และกลับมาพิจารณาเรื่องการส่งเสริมพรรคการเมืองผ่านกกต.