15 ก.ย. 60 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกองทัพบกปลดประจำการเรือเหาะตรวจการพื้นที่ภาคใต้ รุ่น Aeros 40D s/n 21 เนื่องจากใช้งานไม่ได้ว่า เรื่องนี้ เป็นการใช้เงินงบประมาณอันมาจากภาษีประชาชนนับ 1,000 ล้านบาท เป็นตัวอย่างที่สังคม ควรจะช่วยกันตระหนัก ในการมีส่วนร่วมรับรู้ ที่อยู่ในความสนใจ ของประชาชนผู้เสียภาษี จึงควรจะมีหน่วยงานที่เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง จะทำความจริงให้ปรากฏและเป็นตัวแทนของประชาชนได้ 
“ผมขอเรียกร้องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินช่วยทำความจริงให้ปรากฏ ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ สตง. อันเป็นที่พึ่งของประชาชาชน ที่ควรสรุปผลออกมาเพื่อเป็นบทเรียนของประเทศ จะได้ใช้เป็นบรรทัดฐานในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ มีความจำเป็นหรือเหมาะสมกับสภาพการใช้งานของภารกิจหรือไม่ ที่สำคัญวันนี้ชาวบ้านเรียกเรือเหาะว่า เรือเหี่ยวกันไปหมดแล้ว ยิ่งรัฐบาลชุดนี้บอก ยึดอำนาจมาเพื่อเข้ามาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็ยิ่งจำเป็นต้องทำให้ความจริงปรากฏ ในการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และซื้อแล้วมีความคุ้มค่าหรือไม่” นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการจัดซื้อ เครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200 ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นไม้ล้างป่าช้า และศาลอาญากลาง กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตัดสินเอาผิดในข้อหาฉ้อโกงกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือดังกล่าว ให้ประเทศที่รับซื้อแจ้งยอดความเสียหายไป เพื่อเรียกรับค่าชดเชยสินค้า แต่ปรากฏว่า ประเทศไทยกลับ ไม่แจ้งยอดตัวเลขความเสียหายกลับไปใช่หรือไม่ เรื่องแบบนี้ประชาชนหวังให้ สตง. เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะทำให้ประเทศชาติมีบรรทัดฐานในการใช้ภาษีของพี่น้องประชาชนได้
ที่มา แนวหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์