“อนุสรณ์” รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย บอกผลโพลคนบอกไม่เหมาะตั้งพรรคใหม่หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ชี้อนาคตประชาธิปไตย พุด 4 ข้อของขวัญปีใหม่ ย้ำคสช.ใช้ม.44ขยายเวลาแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
วันที่ 24 ธ.ค. 60 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.29 มองว่า ไม่เหมาะสมที่จะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แสดงว่าอนาคตประชาธิปไตยของประเทศยังคงมีความหวัง ประชาชนหวงแหนสิทธิในการเลือกคนเข้ามาบริหารประเทศ หวังว่าผู้มีอำนาจที่อาจจะมองภาพการเมืองไม่ชัดจะรับฟัง เปรียบเสมือนประชาชนชี้ขุมทรัพย์ ชี้แนะแนวทางที่ถูกที่ควรให้ จะได้ตระหนักใคร่ครวญ เพื่อเตรียมการกลับคืนสู่ประชาธิปไตย การใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ขยายเวลาให้พรรคการเมืองดำเนินการในเรื่องสมาชิก เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งที่สิ่งที่ควรจะทำคือการปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทันที ที่อ้างว่ายังไม่ปลดล็อกเพราะกลัวความวุ่นวายนั้น ตนคิดว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่ค่อยมีน้ำหนักและไปยาก ตนไม่เชื่อว่าจะมีใครทำ แม้คิดจะทำก็จะไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลมีเครือข่ายกลไกครอบคลุมเต็มทุกพื้นที่ และสังคมคงไม่ยอมรับการสร้างความวุ่นวาย
นักการเมืองคนใดดำเนินการขัดกฎหมาย คสช.สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก การอ้างเช่นนั้นนอกจากจะประจานตัวเองแล้ว ยังแสดงว่า 3-4ปีที่ผ่านมาคนไทยยังไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน พรรคเพื่อไทยอยากเห็นของขวัญปีใหม่ 4 ข้อ ที่ผู้มีอำนาจควรส่งมอบให้กับประชาชน คือ
1. เร่งแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนซึ่งมีแนวโน้มแก้ไขยากมากขึ้นเรื่อยๆ เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อยยังลำบาก ราคาพืชผลการเกษตรหลักตกต่ำหนักมาก ทั้ง ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เกษตรกรขาดกำลังซื้อ ปัญหาความยากจนยังมีอยู่มาก รัฐบาลต้องเร่งแก้
2. เร่งสร้างความปรองดอง สร้างความไว้วางใจระหว่างกัน การใช้น้องกี่ยวก้อยอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงลึกในรายละเอียดและแนวปฏิบัติที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น
3. บังคับใช้กฏหมายอย่างเป็นธรรมและเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพให้ประชาชนและสื่อมวลชน ได้มีสิทธิแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ยกเลิกการปรับทัศนคติ และไม่ควรนำกลับมาใช้อีกทุกกรณี
4. คสช.และรัฐบาลควรสร้างบรรยากาศในการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกผู้แทนของตน เพื่อปฏิบัติให้สอดคล้องกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง เลิกมองนักการเมืองว่าเป็นแหล่งรวมของนักเลือกตั้ง เพราะพรรคการเมืองคือกลไกในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนรวมตัวกันเสนอแนวทางแก้ปัญหาประเทศ