6 ส.ค.2565 – นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ยับยั้งกฎหมายลูกที่ รัฐสภาจะพิจารณาในสัปดาห์หน้า ให้มีการแก้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ด้วยการทำให้กฎหมายพิจารณาไม่ทันกรอบเวลา 180 วัน เพื่อกลับไปใช่ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาที่มีเนื้อหาสำคัญคือคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 100 ว่า ร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอไม่ได้ถือว่า ดีกว่าที่มีการปรับปรุงในรัฐสภา แต่สาระสำคัญคือหารด้วย 100 ถามว่าร่างที่พิจารณาในรัฐสภาดีกว่าหรือไม่ บางจุดมีการแก้ไขให้การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สะดวกขึ้น แต่หลักใหญ่อยู่ที่การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ พอร่างที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จแต่มีการแก้ไขในรัฐสภาให้หารด้วย 500 กรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยมองว่าขัดต่อหลักการที่รัฐสภามอบให้พิจารณา เราชี้แจงไปแล้วว่าไม่เคยมีกฎหมายฉบับไหนทำกันแบบนี้ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยเขามีโอกาสชนะได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการที่รับหลักการมา ไม่ใช่หลุดหลักการออกไปเช่นนี้ เมื่อกฎหมายหลุดออกไปจากหลักการเช่นนี้ จึงเลือกที่จะให้กลับไปที่ร่างเดิมที่คณะรัฐมนตรีเสนอ เป็นช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 ที่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย กรรมาธิการพรรคเพื่อไทยและเสียงข้างมาก เราจึงเลือกวิธีนี้ดีที่สุด ไม่ต้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ได้กฎหมายลูกที่ยึดตามหลักการที่รัฐสภารับมาในวาระแรกอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วก็ต้องแล้วแต่เสียงข้างมากในรัฐสภา แต่พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ทุกทางให้กฎหมายลูกกลับมาหารด้วย 100 เท่านั้น
เมื่อถามถึงการยื่นตีความคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ได้ดูข้อกฎหมายอะไรมากมาย เพราะตีความไปซ้ายไปขวาได้ แต่นายกฯควรยึดเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้ใครเป็นนายกฯเกิน 8 ปี ฝ่ายกฎหมายจะพิจารณาอย่างไรไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก เรื่องนี้นายกฯต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าสังคมส่วนมากคิดอย่างไร เพราะนายกฯเป็นบุคคลสาธารณะต้องดูความรู้สึกของคนหมู่มากด้วย