ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส. พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม
.
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1
.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนคือ
.
1. ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน
2. นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้
3. ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤต
.
ซึ่งวันนี้จึงจัดงานเปิดตัวเสาหลักนโยบาย ‘ชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจ’ ภายใต้แนวคิด ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน’ ส่วนนโยบายชุดอื่นๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป
.
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับเหตุกราดจริงที่จังหวัดหนองบัวลำภู และส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกครอบครัว ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดเป็นสิ่งกีดขวางประเทศไทยเจริญก้าวหน้า ปัญหาเศรษฐกิจที่มีอยู่มากมาย ประชาชนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหนเพื่อให้ตัวเองมีรายได้มากขึ้น ทำมาหากินได้ มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว มีความอยู่ที่ดีขึ้น
.
ซึ่งพรรคเพื่อไทย (พท.) เห็นการแก้ไขต้องทำควบคู่กันไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม จะแก้อย่างเดียวไม่ได้ เพราะหากประเทศมีนโยบายที่ดีมากมาย แต่หากประชาชนยังเข้าถึงยาเสพติดได้ง่ายดายเหมือนทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับการพัฒนาประเทศต่อไป
.
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า เราเคยประกาศว่า “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. ปีที่แล้วเพื่อสื่อสารกับประชาชน แต่จริงๆ แล้วพท.ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทยก็ทำภารกิจนี้มาตลอด นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคซึ่งประสบความสำเร็จมากและยังใช้อยู่
.
รวมถึงนโยบาย OTOP กองทุนหมู่บ้าน ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ก็ทำสำเร็จทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นมากมายในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นว่า ภารกิจของเรายังไม่สำเร็จ ประชาชนลำบากมาก ต้องทนกับปัญหาทุกมิติที่เกิดขึ้น
.
ดังนั้น พท. จึงได้ระดมสมองกันเพื่อจัดทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชนยุค ทุกวัย ทุกเพศ ทุกภาคส่วน ให้ตรงจุด ตอบโจทย์ แก้ปัญหาค้างคาในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาได้รวดเร็ว แต่แน่นอนว่า จะทำได้เมื่อเป็นการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพท. ซึ่งแม้เป็นงานยาก แต่เราพร้อมที่จะนำนโยบายเหล่านั้นมาแก้ไขปัญหาของประชาชน เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น
.
ดังนั้น จึงเสนอนโยบายรายได้ใหม่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนสู่ชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีบันได 4 ขั้น ขั้นที่ 1 เพื่อศักยภาพใหม่ เน้นฝีกทักษะเพิ่มศักยภาพประชาชน ให้เกิด 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ Soft Power ซึ่งมีสิ่งที่ต้องทำ 3 อย่างคือ
1.ตั้งศูนย์บ่มเพาะการพัฒนาศักยภาพของคนไทยในทุกชุมชน ทุกจังหวัด ฟรี ครอบคลุมการเพิ่มศักยภาพทุกด้าน
2. สร้างสิ่งแวด ล้อมสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการเพิ่มโอกาสของประชาชน และสร้างการร่วมมือของรัฐ และเอกชน
3. การออกนโยบายต่างประเทศ เปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อให้สามารถมีสินค้าส่งออกขายต่างประเทศได้
.
บันไดขั้นที่ 2 คือเพื่อรายได้ใหม่ โดยคือปลดหนี้จาก 8 ปี ที่มากขึ้น และสร้างรายได้ใหม่และเป็นรายได้ใหม่ที่ยั่งยืน บันไดขั้นที่ 3 คือเพื่อสังคมใหม่ ต้องเป็นพื้นที่สำหรับคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติพันธุ์ ให้ได้รับสิทธิ์ที่ควรได้อย่างเท่าเทียมกัน ประชาชนต้องรู้สึกปลอดภัย ต้องรู้สึกได้รับการดูแลจากรัฐอย่างอย่างเท่าเทียมกัน
.
บันไดขั้นที่ 4 เพื่อการเมืองใหม่ หลักนิติธรรมต้องมีความเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชนผ่าน สสร. และ ส.ว. ต้องไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี รัฐราชการต้องเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริงโดยการกลับเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
.
“วันนี้หมดเวลาของประยุทธ์แล้วเรามานับถอยหลังให้กับความเข้มแข็งของพี่น้องประชาชนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อศักยภาพใหม่ เพื่อรายได้ใหม่ เพื่อสังคมใหม่ เพื่อการเมืองใหม่ คือบันได 4 ขั้นสู่แลนด์สไลด์” น.ส.แพทองธาร กล่าว
.
ด้านนายวิสุทธิ์ กล่าวถึงนโยบายผ่าตัดเกษตรกรรมรดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวร ว่า ประเทศไทยติดหล่ม การเกษตรไทยตกหลุม เพราะเกาไม่ถูกที่คัน ทำให้เกษตรไทยอยู่ในวัฎจักรเดิมๆ คือเจ็บและจน
.
ดังนั้นการเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต หาโอกาสใหม่ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว อาทิ ข้าว และยาง ผลิต ‘พืชอาหารสัตว์’ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้า และขยายการส่งออก ด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน
.
สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อมกับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง และโครงการบำนาญเกษตรกร เพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิตผลิตรายได้ให้เกษตรอย่างยั่งยืน
.
โดยมีหลักทำงานคือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี ประชาชนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์
.
ขณะที่ ดร.เผ่าภูมิ ในฐานะคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ กล่าวนำเสนอนโยบายเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone; NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหล เป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วยเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง เชียงใหม่ กรุงเทพ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ว่า
.
เขตธุรกิจใหม่นี้ พท.จะสร้างกุญแจ 3 ดอก ดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ ปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ ดึงการลงทุนจากต่างชาติ แก้ปัญหาด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้าส่งออก และการธุรกรรมระหว่างประเทศ กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีนำเข้า จะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก
.
กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศน์ใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้า ได้แก่ ภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนได้
.
ดร.ณหทัย กล่าวนำเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิตว่า พท.จะสร้าง ‘แพลตฟอร์ม’ จับคู่สมรรถนะคนเข้ากับงานที่ใช่ ช่วยให้มีงานทำเร็ว และตรงสมรรถนะของตนเองที่สุด และสร้างรายได้ที่ดีที่สุด เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม
.
โดยในแพลทฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจากแพลทฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการสร้าง Big Data พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด
——————————-