3 ก.ย.2565 – นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ว่า ประเทศไทยไม่ควรอยู่ในสภาพเหมือนมีนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน 2 คน แต่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ นานทีปีหน ประชาชนไม่ค่อยได้เห็นพล.อ.ประยุทธ์ ออกจากบ้าน ลงพื้นที่ทำงานในวันเสาร์อาทิตย์ สถานการณ์โควิดก็เป็นนายกฯเวิร์คฟอร์มโฮม ทำงานจากบ้านในค่ายทหารมาแล้ว
“ถ้าไม่คับขันเข้าตาจน กลัวประชาชนลืม อาจไม่ได้เห็นพล.อ.ประยุทธ์พยายามหนักขนาดนี้ นักข่าวไม่มาก็ลงทุนถ่ายภาพส่งแจกให้นักข่าว อำนวยความสะดวกให้เต็มเหนี่ยว เพื่อส่งรูป ขอมีซีน เหมือนคนหิวแสง” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า แต่คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ลงพื้นที่ยังถูกชาวบ้านด่า เหตุไม่เปิดกระจกรถทักทายกองเชียร์ จนต้องรีบออกมาขอโทษ อ้างนั่งรถกันกระสุนเลยลดกระจกลงไม่ได้ ทำชาวบ้านย้ายค่าย จากกองเชียร์ เปลี่ยนเป็นกองแช่ง ถ้ามีปัญหามาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหยุดนั่งรถกันกระสุน แล้วนั่งลงฟังกระแสประชาชน แบบไม่สร้างภาพจัดฉาก จะได้รู้ว่าชาวบ้านอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกฯมากขนาดไหน ประชาชนไม่อยากเห็นสภาพการประลองกำลังวัดบารมี ลงพื้นที่ช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามแสดงให้เห็นว่าแม้ถูกสั่งหยุดเป็นนายกฯ แต่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ จนประชาชนเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมากกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก
“นอกจากคืนรถประจำตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ ควรคืนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับประชาชน โดยการลาออก 8ปี นานมากแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพอแล้ว ปล่อยให้ประเทศชาติและประชาชนได้ไปต่อ อย่าอยู่เป็นภาระลูกหลานเลย” นายอนุสรณ์ กล่าว