เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทนอยู่ให้ตัวเองลำบากใจไปเพื่ออะไร ถึงเวลาต้องทำใจ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เมื่อวานนี้ (29 สิงหาคม) ไปเล็งปืน ดูนิทรรศการอาวุธได้ แต่วันถัดมากลับเข้าประชุม ครม. ที่ทำเนียบไม่ได้ ต้องประชุมผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เดือดร้อนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ครม. แต่ไม่กล้านั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ต้องปล่อยเว้นว่างไว้ ใครจะการันตีความสัมพันธ์ของ 3 ป.อย่างไร
“นาทีนี้น่าจะไม่เหมือนเดิม พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนจะพยายามทำตัวให้ดูดี มีสปิริต ทำหน้าที่แข็งขันไม่ว่าจะตำแหน่งไหน แต่คำถามคือ ตอน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นจะใส่ใจการงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขนาดนี้ เห็น พล.อ.ประยุทธ์เล็งปืน นึกถึงบรรยากาศงานวัด หมดสภาพผู้นำจากการรัฐประหารยึดอำนาจ จับคนไปปรับทัศนคติ มีมาตรา 44 ตอนเล็งปืนพล.อ.ประยุทธ์ เล็งเห็นอนาคตตัวเองหรือไม่ ได้เล็งเห็นอนาคตประเทศในวันที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ประชาชนอดทนรอความสุขที่บอกว่าจะคืนให้มา 8 ปี วันนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ จึงอยากเริ่มต้นใหม่ ประเทศไทยต้องไปต่อ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าทำตัวลับๆ ล่อๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ไม่ไหวอย่าฝืน หรือกลัวคนอื่นลืม เลยต้องโผล่หน้ามาให้เห็นเป็นระยะ จะส่งสัญญาณว่าสู้แค่ไหน ประชาชนขับไล่มากขนาดนี้ จะอยู่ได้อย่างไร ไม่ต้องกลัวว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะทำได้ไม่ดี เพราะประเทศไทยในช่วง 8 ปี ถึงจุดต่ำสุดในหลายด้าน คงไม่มีอะไรจะตกต่ำมากไปกว่านี้แล้ว สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรทำคือประกาศว่า “ผมพอแล้ว เพื่อให้ประเทศเดินหน้า”
“ผู้นำต้องมีเกียรติยศศักดิ์ศรี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องไปอาลัยอาวรณ์กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยเดินอาดๆ ชี้นิ้วสั่งการอยู่ดีๆ ผ่านไป 8 ปีโดนสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ดันขอมาเป็นลูกน้องรองนายกรัฐมนตรีไม่สง่างาม” นายอนุสรณ์กล่าว