ข่าวประจำวัน » #เพื่อไทย แฉ!! ทุจริตโครงการ9101 ได้ทั้งตัวบุคคลและเงินทอนของกลาง

#เพื่อไทย แฉ!! ทุจริตโครงการ9101 ได้ทั้งตัวบุคคลและเงินทอนของกลาง

8 October 2017
539   0


นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองลธ.พท.กล่าวว่ารู้สึกไม่สบายใจกับข่าวการจับทุจริตในโครงการ 9101 ได้ที่ จ.อุบลราชธานี โดยได้ทั้งตัวบุคคลและเงินทอนของกลาง และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายจังหวัด

โดยส่วนตนเห็นว่าโครงการนี้มีข้อบกพร่องในระดับนโยบาย อย่างน้อย 2 ประการ คือ
1. การจัดซื้อจัดจ้าง ควรดำเนินการโดยระบบราชการ เพราะข้าราชการมีทั้งโทษทางอาญาและวินัยควบคุมอยู่ มีเสียงวิพากษ์ว่า ประชาชนตกเป็นเหยื่อ แต่ผู้ทุจริตตัวจริงจับไม่ได้ ควรจับผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้มากกว่า
2. ระบบการตรวจสอบการทุจริต เป็น 2 มาตรฐาน กล่าวคือ โครงการที่ดำเนินการในรัฐบาลนี้ หรือฝ่ายบริหารในรัฐบาลนี้เคยดำเนินการ ไม่ได้รับการตรวจสอบ ทั้งใน สนช. และองค์กรในการตรวจสอบอย่างจริงจัง ยกตัวอย่าง ในทางการเมือง จะเห็นได้ว่า สนช.ไม่เคยมีการตรวจสอบโครงการใดในสภา ฯ ทั้งที่ปรากฎข่าวที่ส่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในหลายโครงการ
ในส่วนขององค์กรในการตรวจสอบ ถ้าเป็นการตรวจสอบหน่วยงานของรัฐ จะพบการตรวจสอบใน 2 แนวทาง คือ ฟอกขาว กับอยู่ระหว่างตรวจสอบ และก็เงียบหายไป ไม่เคยจับทุจริตโครงการของรัฐตามข้อร้องเรียนได้เลย ในขณะที่รัฐบาลกลับขุดคุ้ยโครงการในอดีตอย่างไม่เป็นกลาง

อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบการทุจริต ปรากฏว่าองค์กรในการตรวจสอบ ไม่ได้มีเฉพาะองค์กรตรวจสอบในประเทศไทย เท่านั้น แต่มีองค์กรตรวจสอบจากนานาชาติดำเนินการอยู่ด้วย และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศอย่างสูง ดังที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้จัดทำดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่นโลก ประจำปี 2559 พบว่า ประเทศไทยได้คะแนน 35 จากคะแนนเต็ม 100 และอยู่ลำดับที่ 101 จาก 176 ประเทศ ซึ่งนับเป็นข้อมูลที่ฟ้องประชาชนและชาวโลกในยุครัฐบาลปราบโกงอย่างเจ็บแสบที่สุด
อาจกล่าวได้ว่า ผลการจัดทำดัชนีชี้วัดดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลกลืนไม่เข้า คายไม่ออก และกรณีเข้ากับคำพังเพยที่ว่า “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง” หรือไม่ นายชวลิต ฯ กล่าวในที่สุดว่าสำหรับโครงการ 9101 คงเป็นโครงการที่รัฐบาลขอพระราชทานชื่อโครงการมาแล้วเพื่อเป็นสิริมงคล เมื่อพบการทุจริต และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายจังหวัด จึงควรดำเนินการปรับระบบให้รัดกุม รอบคอบ และสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อให้เม็ดเงินงบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

อนึ่ง เมื่อองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้จัดอันดับการคอรัปชั่นในประเทศไทยดังกล่าว แสดงว่าในช่วงการบริหารในรัฐบาลนี้ การทุจริต คอรัปชั่น ก็ไม่ได้ลดลง ทั้งที่ไม่มีนักการเมืองมา 3 ปีเศษ การตรวจสอบก็ดำเนินการได้ไม่เต๋มที่ จึงไม่ควรชี้นิ้วกราดไปทุกทิศทุกทาง แต่ควรรับฟังความเห็นจากผู้ที่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองเช่นกัน ก็จะทำให้บรรยากาศบ้านเมืองเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

cr.สยามรัฐ

 

สำนักข่าววิหคนิวส์