วันที่ 19 พ.ค.65 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โพสต์ภาพผ่านเพจเฟซบุ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมระบุข้อความว่า…
เราผ่านคืนวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 ด้วยความเข้าใจตรงกันว่า สายวันรุ่งขึ้นผมจะเป็นตัวแทนแกนนำนปช.ไปเจรจากับรัฐบาลที่รัฐสภา โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่คนกลาง
ทุกฝ่ายตกลงตามนี้ พวกเราแกนนำและคณะส.ว.ที่มาประสานงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ผมกับพรรคพวกขึ้นเวทีชี้แจงเพิ่มเติมจนทุกอย่างนิ่ง รอเพียงเวลานัดหมาย สถานการณ์จะคลี่คลาย เราจะส่งพี่น้องกลับบ้านด้วยความปลอดภัย
ทุกคนรวมตัวกันหลังเวที สลับกันขึ้นปราศรัย ร้องเพลงรออรุณรุ่ง ไม่มีใครเฉลียวใจว่าสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามา คือเงาอำมหิตที่ต้องสังเวยอีกหลายชีวิตของประชาชน
เช้ามืดวันที่ 19 กลายเป็นเช้าที่มืดยาวนาน และยังคงความมืดมิดจนปัจจุบัน สำหรับคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่า และผู้รอดชีวิตที่เพื่อนล้มตายไปต่อหน้า เราไม่เคยเห็นแสงสว่างของเช้าวันที่ 19 พฤษภา 2553 ไม่เคยสัมผัสแม้เพียงละอองของความยุติธรรม
ทุกปีเรารำลึกถึงเหตุการณ์ ทั้งหมดเหมือนยังปรากฏตรงหน้า ความเจ็บปวด คับแค้น หลายครั้งต้องกัดฟันข่มน้ำตา
อย่างไรก็ตาม 12 ปี เมษา – พฤษภา 53 ผมไม่สามารถมองย้อนเวลาไปสู่อดีต โดยข้ามความจริงแห่งปัจจุบัน ที่สังคมไทยยังพายเรือในอ่างความขัดแย้ง
เด็กหลายคนยังถูกขัง หลายคนยังถูกคุกคามด้วยวิธีการต่างๆ อำนาจรัฐเดินหน้ากดปราบลูกหลานที่คิดต่างราวกับเป็นศัตรู
ผมตามไม่ค่อยทันแล้วว่ามีกลุ่มไหน ใครบ้างในเรือนจำ รู้แต่จากข่าวว่าเด็กสาวชื่อ”ตะวัน”กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆยังไม่ได้ประกันตัว
ไม่เคยรู้จักน้องๆเหล่านี้ มองความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งในมุมที่เข้าใจและห่วงใย ประเมินว่าคงถึงวันไร้อิสรภาพในที่สุด แต่ก็ยังอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมหยิบยื่นโอกาสให้ลูกหลาน เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่งในกรงขัง และอีกหลายคนในชะตากรรมเดียวกัน
ทุกการยื่นขอประกันตัว อยากให้ความเมตตามีบทบาทสำคัญในคำวินิจฉัย เงื่อนไข ข้อกำหนดทั้งหลาย ผมเชื่อว่าทุกคนรับได้ เหมือนแกนนำคนอื่นๆก่อนหน้านี้ ซึ่งจำกัดความเคลื่อนไหวของตนตามนั้น คนในขบวนการต่อสู้ก็รับรู้ ไม่มีใครไปกดดัน เพราะเข้าใจและเห็นใจ
ตลอดมาถ้าไม่มีน้องๆถามผมไม่เคยแสดงความเห็น แต่วันนี้ขอส่งความปรารถนาดีถึงทุกคนว่า วันเวลายังเป็นของคนหนุ่มสาว รัดกุม ปลอดภัย มีเหตุผล สอดคล้องกับความจริงของสถานการณ์ เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาประกอบการต่อสู้ การทยอยกันเข้าคุกไม่ส่งผลเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างน้อยก็ในห้วงเวลานี้
เราเคยเจ็บปวดและสูญเสียเพราะถูกให้ร้าย เป็นควายแดง ผู้ก่อการร้าย ผังล้มเจ้า ฯลฯ ไม่อยากให้ลูกหลานประสบชะตากรรมแบบเรา ไม่อยากเห็นพวกเขาถูกทำลายด้วยข้อกล่าวหาละเอียดอ่อน ซึ่งถึงที่สุดจะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
วาระครบรอบ 12 ปี เมษา – พฤษภา 53 ในฐานะคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ผมขอเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้น้องๆที่ถูกจำขังเพราะเคลื่อนไหวทางการเมือง
ถ้าเรียกเด็กวัยนี้เป็นลูกหลาน การปฏิบัติต่อพวกเขาก็ควรสอดรับกัน พ่อแม่ลงมือตีลูก วางไม้เรียวแล้วยังวิ่งไปร้องไห้ เราจะขังคุกลูกหลานไว้โดยไม่รู้สึกอะไรได้จริงหรือ
ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ
#ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม