วันจันทร์ที่ผ่านมา (2 ต.ค.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศเปิดเผยหลังการพูดคุยกับผู้แทนอาวุโสของประเทศเมียนมาว่า เมียนมาได้ยื่นคำขอรับชาวโรฮิงญาหลายแสนรายที่อพยพมาบังกลาเทศกลับไปภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
“การพูดคุยจัดขึ้นในบรรยากาศที่เป็นมิตร และเมียนมาได้ยื่นคำขอรับผู้อพยพชาวโรฮิงญากลับไป” เอ เอช มาห์มูด อาลี (A.H. Mahmood Ali) รมว.ต่างประเทศบังกลาเทศบอกกับสื่อมวลชน
บังกลาเทศเปิดการเจรจากับเมียนมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่การเดินทางกลับบ้านของผู้อพยพมุสลิมโรฮิงญากว่าครึ่งล้าน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ เมียนมาประกาศว่าเป็นความผิดของกลุ่มกบฏที่โจมตีพลเมืองและเป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาหมู่บ้านชาวโรฮิงญา ส่งผลให้กว่าครึ่งของหมู่บ้าน 400 แห่งได้รับความเสียหาย แต่ฝ่ายกบฏปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
เมียนมาเผยว่ามีประชาชนกว่า 500 คนที่ถูกสังหารในเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุด และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกบฏ
ชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและขอให้จัดตั้งเขตพื้นที่ปลอดภัย (Safe zone) ในเมียนมาเพื่อให้สามารถรับผู้อพยพกลับไปได้
นอกจากนี้ เธอยังเรียกร้องให้มีภารกิจค้นหาความจริงของสหประชาชาติเพื่อเข้าไปในเมียนมา และขอให้เมียนมาปฏิบัติตามคำแนะนำในการแก้ปัญหาในรัฐยะไข่ซึ่งร่างขึ้นโดยคณะทำงานที่นำโดยโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศเผยว่า บังกลาเทศจะมุ่งให้ความสำคัญกับคำขอ 5 ประการในการเจรจากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมา ณ กรุงธากาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผู้อพยพกลับบ้านอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่บังกลาเทศซึ่งไม่ประสงค์ออกนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับสื่อโดยมีการบันทึกเสียงกล่าวว่า “เราไม่คิดว่าวิกฤตครั้งนี้จะแก้ไขได้ในการประชุมแค่ครั้งเดียว”
ที่มา : เพจ China Xinhua News
สกฤษฏ์ สุวรรณรัตน์
สำนักข่าววิหคนิวส์