ผมเป็นนิสิตรุ่นพี่ก่อนอาจารย์ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลายปี อาจารย์ปราโมทย์จึงเรียกผมว่าพี่ี แต่ถ้าจะนับกันทางพ่อ ผมก็เป็นพี่ของอาจารย์ปราโมทย์ได้อีกทางหนึ่ง เพราะคุณพ่อของอาจารย์ปราโมทย์คือนายแพทย์อ้วน นาครทรรพ รู้จัก และเป็นเพื่อนสนิทรุ่นน้องของพ่อผม ทั้งยังเคยเป็นสมาชิกของขบวนการเสรีไทยด้วยกัน (ขบวนการเสรีไทยที่กู้ชาติสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ใช่ ที่ขโมยชื่อของขบวนการเอามาใช้ใหม่เพื่อเขมือบชาติโดยนายจารุพงศ์ เรือง สุวรรณและนายจักรภพ เพ็ญแข) ผมเรียกท่านว่าคุณอาหมออ้วน
อาจารย์ปราโมทย์เรียนจบจากจุฬา ฯ แล้วก็ไปเรียนต่อจนได้ปริญญาเอกทางสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ อันเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นอาจารย์ปราโมทย์ก็กลับมาเป็นอาจารย์สอนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬา ฯ และดูเหมือนจะถึงเกษียณอายุราชการที่จุฬา ฯ นั่นแหละ
ขณะที่เป็นอาจารย์และเมื่อพ้นราชการแล้ว อาจารย์ปราโมทย์ยังเขียนบทความลงหนังสืิอพิมพ์เกี่ยวกับการเมืองและสังคมไทยที่มีผู้นิยมอ่านอย่างกว้างขวาง อาจารย์ปราโมทย์เขียนบทความตามหลักวิชาและวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองในยุคต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมาและเผ็ดร้อน จนนักการเมืองที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์บางคน (โดยเฉพาะทักษิณ ชินวัตร) ไม่ชอบ เป็นเหตุให้อาจารย์ปราโมทย์ถูกฟ้อง ฐานหมิ่นประมาทอยู่หลายหน
เวลานี้อาจารย์ปราโมทย์เลิกเขียนบทความเป็นร้อยแก้วลงหนังสื พิมพ์เสียแล้ว แต่หันมาเขียนเป็นกลอนลงในเฟซบุค ซึ่งผมได้อ่านด้วย เพราะเราเป็นเพื่อนกันในเฟซบุค กลอนของอาจารย์ปราโมทย์ยังวิพากษ์ วิจารณ์อยู่อย่างเดิม และบางบทก็ให้สติน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมีหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารราชการบ้านเมือง
กลอนบทหนึ่งซึ่งอาจารย์ปราโมทยเพิ่ง์เขียนเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ เป็นบทที่ผมอยากจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้อ่านด้วย ผมขอคัดเฉพาะตอนที่เกี่ยวข้องมาดังต่อไปนี้
“มันให้เลือกเราก็เสือกเลือกตามมัน กำหนดวันตามฝรั่งสั่งเป็นหลัก
หากว่าเกินปีหน้าจะช้านัก ไทยจะทักอย่างไรก็ไม่ฟัง
‘บูรณะ’ จะต้องมีข้อมูลก่อน สำมะโนประชากรต้องรีบสั่ง
เขมรลาวญวนพม่ามาประดัง กลุ่มอาชีพคับคั่งผิดดั้งเดิม
‘บูรณะ’ จะต้องเปลี่ยนโครงสร้าง จะต้องมีรื้อล้างและสร้างเสริม
กฎหมายดีไม่มีอยู่สู้รีบเติม กฎหมายชั่วคนเหิมเกริมต้องล้างบาง
มีอำนาจอยู่ในมืออย่ารื้อทิ้ง ตั้งใจจริงจงมานะเร่งสะสาง
ตั้งสภามาอำนาจจะขาดกลาง มีตัวอย่างมามากไยอยากลอง”
ในอดีตอาจารย์ปราโมทย์เคยเตือนหลายรัฐบาลมาแล้ว รัฐบาลที่เฉยเมยไม่สนใจฟังคำเตือนของอาจารย์ปราโมทย์ในที่สุดก็ประสบเคราะห์กรรมดังที่ทราบกันอยู่ ผมจึงอยากให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติพินิจพิเคราะห์กลอนบทนี้ของอาจารย์ปราโมทย์อย่างจริงจัง
รัฐประหารที่มีเงื่อนเวลาอย่างที่ทำเมื่อปี พ.ศ.2549 ได้ผลอย่างไรก็เห็นกันแล้ว อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและคนชั่วกลับมาครองเมืองได้อีก เลยครับ
สำนักข่าววิหคนิวส์