6 มี.ค. 2565 – ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือจากประเทศจีนว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าโชคดีที่ยังไม่ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 เพราะเรือดำน้ำลำที่ 1 ยังจัดหาเครื่องยนต์ไม่ได้ แม้จะถูกกองทัพเรือฟ้องแต่ไม่ได้หวั่นไหว เพราะเอาความจริงมาฟ้องประชาชน จีนรู้แต่ต้นว่าไม่มีเครื่องยนต์สำหรับใส่เรือดำน้ำขายให้ประเทศไทย ก่อนเซ็นสัญญาไม่เคยติดต่อประเทศเยอรมันว่า จะซื้อเครื่องยนต์มาใช้สำหรับต่อเรือดำน้ำ
สถานทูตเยอรมัน ได้แถลงเรื่องเครื่องยนต์ MTU สำหรับเรือดำน้ำรุ่น S26T ของกองทัพเรือ โดยผู้ช่วยทูตทหารเยอรมันประจำประเทศไทย ระบุว่า รัฐบาลเยอรมันไม่ออกใบอนุญาตในการส่งออกเครื่องยนต์ MTU สำหรับติดเรือดำน้ำที่ขณะนี้กำลังต่อเรืออยู่ในประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่ได้ติดต่อรัฐบาลเยอรมันในการจัดซื้อเครื่องยนต์ ก่อนที่จะเซ็นสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 กับประเทศไทย
หากเป็นแบบนี้จะเป็นการสะเพร่าไม่รอบคอบหรือไม่ ทั้งที่รัฐบาลจีนบอกว่า เป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี หากรัฐบาลจีนทำแบบนี้จะเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ ซึ่งในสัญญาเขียนไว้ว่าต้องเป็นเครื่องยนต์ MTU จากเยอรมันเท่านั้น
ขณะเดียวกันด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทางรัฐบาลจีนได้เสนอเรือดำน้ำมือสอง จำนวน 2 ลำ บริจาคให้ไทยที่มีอายุ 50 ปี พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ที่บริจาคเรือดำน้ำมือสองให้ประเทศไทย เพราะถูกรัฐบาลเยอรมันปฏิเสธขายเครื่องยนต์ MTU หรือไม่ เนื่องจากตามกฎหมายแล้วประเทศเยอรมันยินดีที่จะขายเครื่องยนต์ให้ หากนำไปใช้ภายในประเทศจีน แต่หากซื้อเครื่องยนต์ MTU ไปต่อขายต่อให้ประเทศที่สามถือว่าผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในสัญญาเรือดำน้ำลำที่ 1 มีกำหนดการส่งมอบให้กองทัพเรือไทยในเดือนก.ย. 66 แต่ถูกเลื่อนการส่งมอบไปถึงเดือนเม.ย. 67
“พระรามตู่บอกว่า เรือดำน้ำดี ซื้อสองแถมหนึ่ง จำได้ไหม แล้วสุดท้ายทำไมเป็นการจ่ายเงิน 3 ลำ แล้วไปซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ พระรามตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ไหน จะรับผิดชอบอย่างไร ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ไหน บิดาแห่งเรือดำน้ำไทย ออกมาชี้แจงหน่อย และคณะกรรมการการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพเรือ ที่มีบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ตอนนั้นเป็นเสนาธิการทหารเรือ ทำไมไปซื้อเรือดำน้ำที่ไม่มีเครื่องยนต์ คุณจะรับผิดชอบอย่างไร” นายยุทธพงศ์ กล่าว