เลขาฯ กกต. แจงส่งศาล รธน.ยุบพรรค “ทษช.” เหตุปรากฏหลักฐานชัดเจน ส่วน “พปชร” มีแต่คำร้องจึงต้องหาหลักฐานก่อน คาดชง กกต.พิจารณา 1-2 สัปดาห์นี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีหากพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรคจะต้องมีการแก้ไขบัตรเลือกตั้งหรือไม่ ว่า ถ้าผู้สมัครไม่ว่าพรรคใด ไม่ถูกประกาศรับรองเป็นผู้สมัครหรือถูกตัดสิทธิ กกต.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าผู้สมัครในเขตนั้นๆ เป็นผู้ไม่มีสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้ง ใครกาบัตรก็จะกลายเป็นบัตรเสีย และอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบด้วยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่มีการนำเครื่องลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ยังคงใช้บัตรเลือกตั้งอยู่เช่นเดิม
เมื่อถามว่า พรรคไทยรักษาชาติได้ส่งคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว กกต.จะต้องมีคำชี้แจงอะไรเพิ่มหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับเรื่อง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ซึ่งมีนัดพิจารณาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยอยากจะชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาของ กกต.คืออำนาจของ กกต.เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าสามารถส่งให้ศาลพิจารณาได้เลย ซึ่งกรณีที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพราะปรากฏหลักฐานให้ กกต.เห็นและเชื่อได้ว่ากระทำความผิดตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
ส่วนกรณียื่นคำร้องมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองหรือให้ กกต.นั้นยังไม่ปรากฏหลักฐาน ปรากฏแต่คำร้อง จึงต้องไปตรวจสอบหลักฐานเพื่อรวบรวมให้ กกต.พิจารณา ต้องเข้าใจว่าหลักฐานและคำร้องแตกต่างกัน ตนอยากอธิบายเรื่องกระบวนการให้เข้าใจเพราะมีการเปรียบเทียบว่าร้องแล้วทำไม่ไม่ยุบเลย อันนี้ทำไมยุบเลย คาดว่าคำร้องของพลังประชารัฐจะเสนอให้ กกต.ได้เร็วๆ นี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์
เมื่อถามว่า นิยามคำว่าปฏิปักษ์ของ กกต.เป็นอย่างไร พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า รายละเอียดอยู่ที่ศาล ขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็น
เมื่อถามถึง กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้ดำเนินคดีอาญาอยู่ ถ้าศาลตัดสินค่อยมาว่ากันอีกครั้ง เพราะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้สมัคร เมื่อถามย้ำว่า เมื่อนายธนาธรถูกฝากขังจะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า หากถูกฝากขัง จำคุกโดยหมายของศาล ก็คงต้องไปดูในข้อกฎหมายก่อน
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.พบว่ามีการแก้ไขข้อมูลผู้สมัครของบางพรรคการเมือง จะนำไปสู่การให้ใบส้มหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ยังไม่มองถึงขนาดนั้น ในชั้นนี้เราทำข้อมูลจากฐานข้อมูลของ กกต. เกี่ยวกับนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อให้จังหวัดไปแถลงต่อศาลจังหวัดที่ทำหน้าที่แทนศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งว่าเหตุที่เราตัดสิทธิไม่ประกาศชื่อของผู้สมัคร เพราะมีการไปแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลจะมีการเชื่อมโยงระหว่างนายทะเบียนสมาชิกของพรรคกับฐานข้อมูลของ กกต. เช่น ถ้าจะกรอกข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองจะมีพาสเวิร์ดที่ให้ไว้กับนายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง เมื่อกรอกแล้วมีการไปแก้ไขในบางส่วนหลังจากปิดให้แก้ไขแล้ว หลังจากนี้ จะมีความผิดทางอาญาหรือไม่จะเป็นขั้นตอนถัดไปที่ต้องพิจารณาอีกครั้ง
Cr.มติชน
สำนักข่าววิหคนิวส์