ตลาดโรงเกลือ ตลาดการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯแค่ 250 กิโลเมตร จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวช้อปปิ้งจำนวนมากในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันหยุดราชการหรือวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวจะแห่กันมาจำนวนมากถึงขั้นรถติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ
สิ่งที่นักท่องเที่ยวติดอกติดใจมาชอปปิ้งคือ สินค้าแบรนด์เนมมือสองไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้าหรือสินค้าประเภทอื่น ทำรายได้ให้เจ้าของร้านทั้งชาวไทยและเขมรเป็นอย่างมาก
แต่ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจของบ้านเมืองทรุดตัวลงอย่างมาก ในแต่ละวันนักท่องเที่ยวแทบจะไม่มีมาชอปปิ้งเลย นับตั้งแต่มีการปราบปรามสินค้าลิขสิทธิ์อย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว ตลาดโรงเกลือเงียบเหงาลงเป็นอย่างมาก เศรษฐกิจที่เคยเฟื่องฟูเป็นที่เชิดหน้าชูตาของตลาดโรงเกลือจังหวัดสระแก้วกลับดิ่งลงเหว ร้านค้าที่เคยเปิดกิจการกันเต็มทุกห้อง บางส่วนต้องปิดตัวลงเพราะทนสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
นางสเรเนียง หนึ่งในเจ้าของร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ชาวเขมร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวไม่มีเลยขายของไม่ได้ วันไหนขายได้สักพันหนึ่งก็ดีใจแล้ว จากปรกติเคยขายได้วันละ 20000 ขึ้นไป คงจะรอดูสักพักถ้าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นสู้ไม่ไหวก็คงจะปิดร้านกลับบ้านที่เขมร
นายนิมิต นามาพ ผู้อำนวยการตลาดโรงเกลือโกลเด้นเกตเปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไม่เคยตกต่ำถึงขนาดนี้ มันเริ่มจาก ภาครัฐเข้ามาปราบปรามสินค้าลิขสิทธิ์อย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้วทำให้สินค้าลิขสิทธิ์ทั้งหลายหายไปจากตลาดโรงเกลือ นับแต่นั้นมานักท่องเที่ยวก็เริ่มหายหน้าหายตาการค้าขายก็เริ่มฝืดเคืองทั้งทั้งที่ยังมีสินค้าอื่นอีกมากมายในตลาด ท้ายสุดนายนิมิตร ได้ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวที่ตลาดเหมือนเดิมก็ยังมีสินค้าอย่างอื่นให้เลือกช้อปปิ้งอีกมากมาย
ตลาดโรงเกลือที่เคยเป็นตลาดที่โด่งดังและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาช้อปปิ้งเป็นจำนวนมากในแต่ละวันเวลานี้กลับเงียบเหงามีแต่ผู้ค้าขายแต่ไม่มีผู้ซื้อ เราก็ได้แต่หวังว่าตลาดโรงเกลือจะกลับมาเฟื่องฟูเหมือนเช่นเดิม
แต่สภาพโดยรวมยังเงียบดั่งป่าช้า ถนนแทบไม่มีรถวิ่งบนท้องถนน
ฐิติพันธุ์ คุณดิลกมณี สำนักข่าววิกหกนิวส์ รายงานจาก ตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว