1 พ.ย.2565- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุมพล มั่นหมาย อดีตรองเลขาธิการพระราชวัง และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสียชีวิตแล้ว ด้วยอาการปอดติดเชื้อที่โรงพยาบาลศิริราช
นายจุมพล มั่นหมาย เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2493 ที่อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นบุตรชายของ พล.ต.ท.จุฑา และนางขวัญใจ มั่นหมาย
การศึกษาจบระดับมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยรุ่นที่ 82, โรงเรียนตำรวจนครบาลรุ่น 34 , โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่นที่ 26 รุ่นเดียวกับ นายทักษิณ ชินวัตร ศึกษาเพิ่มเติม สาขาพัฒนาบริหารศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), หลักสูตรบริหารงานตำรวจชั้นสูง รุ่นที่ 15, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 4212
ในปี พ.ศ. 2552 จุมพล มั่นหมาย ถูกจับตาว่าอาจจะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ โดยมีชื่อถูกเสนอเคียงคู่มากับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และได้รับการสนับสนุนจากทางนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีดูแลด้านความมั่นคง, นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกลุ่มของทางนายเนวิน ชิดชอบด้วย
แต่สุดท้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลือกที่จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ นายอภิสิทธ์จึงแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป เป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยาวนานกระทั่งเกษียณอายุราชการ พร้อมกับจุมพล มั่นหมายในปี พ.ศ. 2553
ปี พ.ศ. 2554 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุ กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนในพระองค์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้จุมพล มั่นหมายดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายความมั่นคงและกิจกรรมพิเศษ
ปี 2560 ศาลจังหวัดนครราชสีมา ตัดสินให้จำคุกนายจุมพล ความผิดฐานบุกรุกป่า 2 ปี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โทษจำคุก 4 ปี รวมจำคุก 6 ปี แต่นายจุมพล รับสารภาพ จึงลดโทษเหลือ 3 ปี และมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พิพาทออกไป และให้ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐเป็นเงิน 892,302 บาท
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดพล.ต.อ.จุมพล ออกจากยศตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2560 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ.