เอาไงต่อ!การเมืองต้องเดินหน้า
ปรับครม.-จัดทัพพปชร.สู้เลือกตั้ง
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยืนยันไม่ปรับครม.หลังศึกศักฟอก แต่ดูจากผลโหวตและผลโพลหลังเลือกตั่งแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่ไหนแต่ไรมา หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว มักจะปรับครม.และคนที่ร้อนๆหนาวๆอยู่ในข่ายถูกเปลี่ยนออก คือรัฐมนตรีที่มีผลโหวตอันดับท้ายๆ
ครั้งนี้ คือสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งหนที่แล้วก็ได้รองบ๊วย เหนือกว่าแค่ณัฐพล ทีปสุวรรณ ปัจจัยอยู่ในข่ายจะโดนดูจะมีแฟคเตอร์เพียงพอ
แต่นายกฯที่อยู่ในตำแหน่ง’รองบ๊วย’ และยังอยู่รั้งท้ายสุดคะแนนไม่ไว้วางใจก็จะเป็นปัญหาสำคัญเช่นกันกับการปรับครม. เพราะอาจถูกตีความได้ว่า ส่วนตัวเองไม่ได้รับความไว้วางใจ หรือไม่ได้รับความไว้วางใจเพราะครม.โดยรวมทำงานไม่เข้าตา ต้องมีการปรับเปลี่ยน
จึงถือเป็น’งานยาก’หากจะยังให้ครม.ชุดเดิมทำหน้าที่ต่อไป โดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยิ่งหากมองไกลไปถึงศึกเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า ยิ่งจำเป็นมาก
ต้องเรียกศรัทธาและเร่งสร้างผลงานให้มากกว่านี้ เพื่อคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนที่จะเทคะแนนให้กลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประทศอีกรอบ
ยิ่งหากหวังจะได้อานิสงส์จากบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่อยู่ระหว่างรอโหวตวาระ 3 ด้วยแล้วยิ่งจำเป็นมาก
จึงต้องจับตาดูว่า ครม.ชุดสู้ศึกเลือกตั้งโฉมหน้าค่าตาจะเป็นอย่างไร รวมทั้ง มท.1 รัฐมนตรีมหาดไทย ที่ถูกมองว่าที่ผ่านมา ‘บิ๊กป็อก’ในพี่น้อง 3 ป. ไม่ค่อยจะมีผลงานพอจะนำไปใช้หาสียงได้ อย่างไรก็ดี มหาดไทย คือผู้ควบคุมกลไกและอำนาจรัฐที่จะเอื้อประโยชนฺต่อการเลือกตั้งอย่างที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องควบคู่กัน คือการจัดทัพพรรคพลังประชารัฐรับมือศึกเลือกตั้งส.ส. เนื่องจากศึกนี้ จะหนักหนาสาหัสกว่าเลือกตั้งมี.ค 62 ซึ่งมีกลไกรัฐธรรมนูญและระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมคอยเอื้ออำนวยให้อยู่แล้ว ทั้งบัตรเลือกตั้งใบเดียวและส.ว.ที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ
ครั้งหน้า แม้ส.ว.จะยังมีสืทธิ์โหวตเลือกนายกฯร่วมกับส.ส.เช่นเดิม แต่ที่จะเปลี่ยนไปคือบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่พรรคไทยรักไทย(พรรคเพื่อไทยปัจจุบัน)เป็นแชมป์เก่าอยู่
ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยคงส่งผู้สมัครส.ส.เต็มแม็คทุกเขต หลังจากพลาดในครั้งที่แล้ว รวมทั้งบัญชีรายชื่อก็ต้องเต็มเหนี่ยว ซึ่งหากวิธีคิดคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นแบบ รธน.40 เพื่อไทยมีโอกาสจะมีส.ส.รวมมากกว่า และจะเป็นแกนหลักในการตั้งรัฐบาลทันที
พปชร.ภายใต้การนำของ’บิ๊กป้อม’จึงต้องแสดงบารมีและแสนยานุภาพอีกครั้ง เพื่อให้พปชร.ได้เปรียบ และชนะศึกเลือกตั้ง โดยไม่ต้องเปิดแคมเปญ”เลือกบิ๊กตู่’แล้วบ้านเมืองจะสงบ’เหมือนโค้งสุดท้ายครั้งที่แล้ว
ไฮไลจ์สำคัญจึงอยู่ที่การเตรียมทัพ และเลือกขุนศึกเอกเพื่อพิชิตศึก ซึ่งเมื่อทอดตาทั่วแผ่นดินขณะนี้ ไม่มีใครเหมาะเท่า’ผู้กองธรรมมนัส’ คนที่เพิ่งกล้าท้าชน’บิ๊กตู่’ไปหมาดๆ
นั่นจะหมายถึง ร.อ.ธรรมมนัส ยังจะมีบทบาทและรั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพปชร. ด้วยคุณลักษณะ’ใจถึงพึ่งได้’ต่อไป
เผลอๆอาจมีการ’ปูนบำเหน็จ’เลื่อนชั้นจาก รมช.เป็นรมว.ในการปรับครม.ชุดสู้ศึกเลือกตั้งก็เป็นได้
ต้องไม่ลืมว่า คนอย่างผู้กองคนนี้ เป็นที่ต้องการของทุกพรรคการเมือง รวมทั้งค่ายเพื่อไทย ที่จะต้องการปิดบัญชีแค้นไม่จบไม่สิ้นกับ’บิ๊กตู่’
อาจมี’ดีลลับ’ยกเก้าอี้มท.1 ให้ หากนำทัพชนะศึกเลือกตั้งได้
เพียงแต่ ‘ดีลลับ’นี้ จะชิงเสนอโดยค่ายไหนก่อนกัน
ประจักษ์ มะวงศ์สา