สำนักข่าว Nikkei ของญี่ปุ่นรายงานว่า Jens Stoltenberg เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ได้เปิดเผยว่า NATO กำลังวางแผนกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรในเอเชียเพื่อตอบโต้ “ความท้าทายด้านความมั่นคง” ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากประเทศจีน โดยชี้ว่าวิกฤตนี้จะมีผลกระทบไปทั้งโลก
.
ซึ่งในสัปดาห์นี้ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิก NATO ทั้ง 26 ประเทศ ร่วมกับรัฐมนตรีของฟินแลนด์ สวีเดน จอร์เจีย และผู้แทนจากสหภาพยุโรป (EU) ได้มีการเชิญรัฐมนตรีของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เข้าร่วมด้วย
.
Stoltenberg เผยว่า “เราจะร่วมกันหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ตลอดจนอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นและนโยบายเชิงบีบบังคับของจีน ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายต่อความมั่นคงและประชาธิปไตยของพวกเรา”
.
“เราเห็นว่าจีนไม่เต็มใจที่จะประณามการรุกรายของรัสเซีย” สต็อลเตินบาร์กกล่าวพร้อมเรียกร้องให้โลกประชาธิปไตยยืนหยัดเพื่อต่อต้านอำนาจเบ็ดเสร็จ
.
Stoltenberg ยังเผยอีกว่า NATO มุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรในเอเชียแปซิฟิกในด้านต่างๆรวมไปถึง การควบคุมอาวุธ ไซเบอร์ และเทคโนโลยี
.
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน รัฐบาลจีนได้แสดงจุดยืนต่อต้านสงครามและเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ แต่ก็ปฏิเสธที่จะร่วมกับชาติอื่นๆในการประณามและคว่ำบาตรรัสเซียด้วยเช่นกัน
.
ส่วนทางด้านของ จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “NATO เป็นองค์การด้านทหารที่ก่อตั้งด้วยวัตถุประสงค์แบบสงครามเย็น ศัตรูของ NATO คือสภาพโซเวียต ซึ่งล่มสลายไปนานแล้ว ดังนั้น NATO ควรยุบไปตั้งแต่ตอนนั้น” และยังมองว่าการกระทำของ NATO เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งในยูเครน
.