ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า แค่แม่นยำก็ชนะแบบชิวๆ
วันนี้คงเข้าใจสิ่งที่บอกไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป ให้จับตามองให้ดี จะบริหารยากขึ้น เพราะมันจะเละไม่เป็นท่า เพราะขาดความแม่นยำในยุทธศาสตร์ เลื่อนกำหนดการขยายเวลา ตามโรดแมบ ของยุทธการไสรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย ออกมาแบบมองการเมือง การปกครองแค่ตามองเห็น ขาดความลึกซึ้ง บอกอย่าๆ ก็จะทำจะทดลอง
7 วันแรกเริ่มพัง ครบ 15 วัน เริ่มกู่ไม่กลับ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การต่างประเทศ วุ่นวายสับสนทั้งศึกนอกศึกใน สนิมที่เกิดจากเนื้อในเหล็ก ก็ออกฤทธิ์เดช ดั่งที่เคยเตือนมาตลอด 6 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นการรัฐประหาร คงคิดว่าผมนั้น มโน เรื่องหลักการต่อต้านการรัฐประหาร ที่ อ้ายแม้ว ส่งคนเข้ามาฝั่งตัวภายใน ทั้ง นิติบริกร และเศรษฐศาสตร์บริกร
เพื่อทำลายดาบอาญาสิทธ์ ม.44 ที่ส่งผ่านไปยังท่านพลเอกเกษม และทำลายความเชื่อมั่นด้วยการหลอกให้ใช้ประชานิยม ที่สุดท้ายจะกู่ไม่กลับ ที่เริ่มต้นแล้วจะต้องใช้ต่อ จนเป็นยาเสพติด สุดท้ายประเทศจะล่ม เหมือน อาเจนตินา กรีซ ฟิลิปปินส์ อันเป็นหลักการสนิมเกิดจากเนื้อในเหล็ก ที่จะพังทลายลงมาเอง นี้คือความลึกซึ้งทางการเมือง อันแสบเผ็ด
หากจับหลักการเมืองให้ดี จะทราบว่าเกมส์ในกระดานมีความสัมพันธ์ในวันเดียว 15 กรกฎาคม 2563 เกิด 3 ปรากฎการณ์สัญญาณทางการเมือง เด็กอ้ายแม้วเสนอให้นิรโทษกรรม เศรษฐศาสตร์บริกร นำทีมงานลาออก แตกหักทางการเมือง และส่งเด็กของอนาคตใหม่ไปป่วนที่ระยอง สรุปคือเขาต้องการนิรโทษ กลับบ้านมาเท่ห์ๆ และล้มรัฐบาลให้เร็วที่สุด เลือกตั้งหวังชนะ แล้วนิรโทษ ตามรูปแบบเดินที่เคยทำในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็แค่นั้นเอง
หมากในกระดานนี้ไม่ยาก หากแก็งเศรษศาสตร์บริกร ออกไป จะทำให้ตำแหน่งว่าง 5 ตำแหน่ง 4 รัฐมนตรี 1 รองเลขานายก ก็ลองพยายามดึงเกมส์ หากมิได้ก็ปล่อยไป ยิ้มสู้สบายมาก แล้วตั้งรัฐมนตรีรักษาการ หรือให้ปลัดรักษาการไปก่อน ไม่ต้องวิตก และเวลาประชุมด้านเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ให้เชิญ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและผู้รักษาการมาประชุมตามปกติ อย่าใจร้อนปรับครม. เพราะเกมส์จะตกไปอยู่ในมือของพรรคร่วม ที่จะวุ่นวายก่อนโหวดผ่านงบประมาณประจำปี
พลาดหมากนี้ ไม่แม่นยำโอกาสจะยุบสภาสูงมาก เพราะอ้ายแม้วจะเจรจาพรรคร่วม อ้างว่าหากมีเลือกตั้งจะชนะ แล้วตั้งรัฐบาลได้ เขาจะอัดฉีดเงินอุดหนุนพรรคให้ อันเป็นสูตรเดิมๆที่ทำตลอดมา
จึงควรลากเกมส์ไปใจเย็นๆ เดินสายพบ 4 ท่าน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ต้องวอกแวก ภาพลักษณ์ก็จะเปลี่ยนโดยพลัน จะสำเร็จทั้ง ปฏิรูปประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ ตอนนี้คงเข้าใจตรงกันว่า ในระยะกลาง เก็บเกี่ยว(เลือกตั้งท้องถิ่น) ปฏิรูปประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจนั้น โดยหลักการเห็นพ้องต้องกันว่าเดินตามนี้ เหลือเพียงบุคคลเข้ามาทำหน้าที่เท่านั้น
เมื่อได้ทดลองตั้ง กรรมการปฏิรูป 13 ด้าน ตามข้อเสนอของสภาพัด และจะตั้ง ดร.นฤมล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั้น ไม่ประสบความสำเร็จ ประชาชนไม่เอาด้วย มีภาพเป็นลบ ก็ควรเดินตามโรดแมปของชาติ อย่านอกลู่นอกทางเอาคนใกล้ชิดมาทำงานด้านเศรษฐกิจ และปฏิรูปประเทศอีกเลย เพราะเขาทำไม่ได้
หากเดินครบ 4 ท่าน(แบบจริงใจจะได้เห็นแรงจริงใจกลับมา)จะทำให้เห็นหน้าไพ่มากขึ้น จะเข้าใจว่าทำไมต้องให้เดินแบบนี้ สาเหตุเพราะมันเป็นหลักการบริหารในสถานการณ์วิกฤติ มิใช่ปกติ อันจะลงตัวในตำแหน่งที่วางไว้พอดี และจะเหลือด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ 2 ท่านเท่านั้น ที่ชำนาญด้านปฏิรูป และเศรษฐกิจ แต่ควรไปพบทั้ง 4 ท่าน จะหูตาสว่างมากขึ้น
การเดินทางไประยอง เพื่อหวังสร้างความเชื่อมั่นให้คนระยองนั้น เป็นหลักคิดที่ผิด อ้างอิงหลักคิดนี้ เกิดขึ้นมาแล้วใน อังกฤษ มาเลเซีย และล่าสุดอิตาลี ที่ผู้นำประเทศต่างติดเชื้อไวรัส ทำให้ประเทศระส่ำระสาย วุ่นวายไปทั้งประเทศ เอาขุนไปแลกกับเบี้ย เดินเกมส์เสี่ยงอย่างที่ไม่ควรกระทำ
จงคำนึงเสมอว่า กำลังจะเกิดสงครามเอเซียบูรพา ที่ทรัมป์ จะต้องเปิดให้ได้ ก่อนเลือกตั้งอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเรียกคะแนนนิยม หวังเป็นประธานาธิบดีอีกรอบ โดยอ้างเหตุจีนลุกล้ำทะเลจีนใต้ แล้วจะบุกเข้ายึดครอง หมู่เกาะสแปรดลี่ แหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดของเอเซีย แบบหน้าตาเฉย ตามหลักยุทธศาสตร์การเมือง การปกครองนั้นจะต้องเกิดสงครามไม่เกิน กันยายน 2563 แต่จีนจะพยายามหลีเลี่ยง ไทยจึงต้องเร่งจัดการภายในให้ลงตัว สร้างความเชื่อมั้นภายในประเทศ ก่อนเกิดสงครามขึ้น และต้องหาทางอ้างเหตุหลีกเลี่ยงในการเข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะสงครามแม้แพ้หรือชนะ คือหายนะ
ขอเพียงแม่นยำในยุทธศาสตร์ ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งเศรษฐกิจ ที่จะย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ การปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลวมาตลอด 6 ปี จะพลิกฟื้นขึ้นมาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว ในวิกฤติโควิดในเฟสแรก จนกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทำให้อารยะประเทศ และในหลวงทรงชมเชย หลายครั้งหลายครา ด้วยความปราถนาดี
“ ทุกศึกทุกสงคราม มิได้เอาชนะด้วยสรรพกำลัง แต่ล้วนแล้วเอาชนะด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น “
ดร.ทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
16 กรกฎาคม 2563