นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำนปช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ตนไม่คิดจะใช้เรื่องทวงถามความยุติธรรมให้คนตายกรณีสลายการชุมนุมปี 2553 เป็นประเด็นการเมือง จึงหลีกเลี่ยงการตอบโต้กับทุกฝ่ายในเรื่องนี้มาตลอด
แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ตั้งคำถามว่าทำไมมาเคลื่อนไหวตอนนี้ ทั้งที่ตอนทำพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็ไม่เคยคัดค้าน จึงขอตอบคำถามเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน นายอภิสิทธิ์ไม่น่าจะลืมว่าตนแสดงออกอย่างเปิดเผย ว่าไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาการแปรญัตติพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้อภิปรายคัดค้านทั้งในที่ประชุมพรรค และวงหารืออื่นๆ รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนง เมื่อถึงวาระการลงมติผมก็ไม่ได้เห็นชอบ แต่ที่ไม่ได้ไปเดินขบวนคัดค้านร่วมกับพรรคและพวกของนายอภิสิทธิ์ เพราะรู้ชัดว่าเป้าหมายแท้จริงไม่ใช่ล้ม
ตรงประเด็น – พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นการเปิดประตูให้รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มระบอบประชาธิปไตย
“ที่จริงผมคัดค้านมาตั้งหลายเรื่อง นายอภิสิทธิ์น่าจะจำได้ ผมคัดค้านว่าอย่าบอยคอตการเลือกตั้ง อย่ารับเก้าอี้นายกฯในค่ายทหาร อย่าใช้กำลังปราบปรามประชาชน อย่าออกคำสั่งใช้กระสุนจริง อย่าใช้ปืนติดกล้องยิงไกล อย่าตีไพ่ให้เกิดรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยังจำคำอภิปรายของนายอภิสิทธิ์ต่อนายสมชาย หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเปิดทางเข้ารัฐสภาแล้วมีผู้เสียชีวิต 2 รายได้ดี แม้ภายหลังศาลจะชี้ว่าน่าจะ
เสียชีวิตด้วยเหตุอื่น แต่คำพูดเหล่านั้นยังจับจิตจับใจ วันนี้อัยการสั่งฟ้องฐานฆ่าคนตาย ศาลฎีกาชี้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริงกระสุนจริงเป็นคำสั่งของจำเลยที่ 1 นายอภิสิทธิ์คนที่เคยเจ็บปวดต่อความตายของเพื่อนร่วมชาติคนนั้นหายไปไหน ผมต้องการเพียงความยุติธรรม ต้องการให้คดีฆ่าคนตายได้ขึ้นศาล ถึงถูกฆ่าตาย ทุกศพก็ยังมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่จะเข้าถึงความยุติธรรม ถ้าคนตายเป็นร้อยแล้วหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ก็เท่ากับทำลายความเป็นมนุษย์ของคนทั้งสังคมไปเสียในคราวเดียวกัน”
สำนักข่าววิหคนิวส์