12 กรกฎาคม 2560 จากรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเข้าร้องเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สมัยนั้น ตั้งแต่้ปี 2555 กรณีให้เร่งรัดดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มคนที่พูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างว่าการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ตั้งแต่ปี 2555 เมื่อวันที่ 24 พ.ย.
ช่วงหนึ่งของการชุมนุมมีการเปิดคลิปวิดีโอที่ปรากฏกลุ่มบุคคลพูดจาจาบจ้วงละเมิดสถาบัน ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับแกนนำเสื้อแดง จึงมาเรียกร้องให้ดำเนินคดี
มีรายงานว่า ทางพนักงานสอบสอบคดีพิเศษ แทนที่จะเอาผิดบุคคลที่หมิ่นสถาบันภายในคลิป เพียงอย่างเดียว กลับเรียกตัว พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เสธ.อ้าย พร้อมกับพวกที่อยู่บนเวที มาดำเนินคดีตามมาตรา 112 โดยเรียกตัวให้พบทาง DSI เพื่อส่งตัวให้อัยการ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ซึ่งคณะของเสธอ้ายยืนยันจะเดินทางไปตามพบตามกำหนดเวลาโดยไม่หลบหนี
สำหรับเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเคยเกิดขึ้นกับคดีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้นำคลิป ดา ตอปิโด หรือ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุลที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเปิดในการชุมนุม วันที่ 26กันยายน 2555ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุธรณ์ ตัดสินให้สนธิมีความผิด พิพากษากลับให้ลงโทษจำคุกนายสนธิ 3ปี เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษหนึ่งในสาม เหลือโทษจำคุก2ปี ไม่รอลงอาญา แต่ศาลฎีกาตัดสินให้พ้นผิด เพราะขาดเจตนาในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
“แม้คำพูดของจำเลยจะหมิ่นเหม่ และในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งอาจใช้วิธีอื่นดำเนินการในเรื่องเดียวกันนี้ได้ก็ตาม แต่วิญญูชนก็ไม่อาจเข้าใจไปได้ว่าจำเลยมีเจตนาใส่ร้ายโจมตีสถาบันฯ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนากระทำความผิดตามฟ้อง”
ส่วน ดา ตอปิโด ถูกดำเนินคดีศาลตัดสินจำคุก 8 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษในภายหลัง
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เสธ.อ้าย อดีตประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก อดีตตุลาการศาลทหารสูงสุด ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news รายงาน