ครม.ผ่านแล้วขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ5-22บาททั่วไทยมีผลบังคับ1เมษายน61นายกฯสั่งหามาตรการช่วยภาคธุรกิจ‘เอสเอ็มอี’
“ครม.” ผ่านฉลุยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ เทียบตามสูตรฝรั่งเศส-บราซิล มีผล 1 เมษายน 2561 นายกฯพร้อมหามาตรการภาษีช่วยธุรกิจ “เอสเอ็มอี” จี้ผู้ประกอบการระดับล่าง ขึ้นทะเบียนเป็นฐานข้อมูลให้รัฐบาลช่วยได้ทั่วถึง ไม่ใช่กลัวถูกเก็บภาษี เพราะรายได้ไม่ถึงไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 30มกราคม นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี2561 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่19ได้มีการศึกษาข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและได้มีการกำหนดสูตรคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยเทียบเคียงกับสูตรค่าจ้างขั้นต่ำของต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส มาเลเซีย บราซิล และคอสตาริกา ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศยอมรับว่า เป็นสูตรคำนวณที่สามารถดูแลคุณภาพชีวิตของลูกจ้างได้ รวมถึงคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี2561 จะขยายตัวร้อยละ 3.6-4.6 ทั้งนี้ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น 8-20บาทต่อวันในทุกจังหวัด
แบ่งออกเป็น 7ระดับ ได้แก่ 308 บาทต่อวัน จำนวน 3 จังหวัด 310บาทต่อวัน จำนวน 22จังหวัด 315บาทต่อวัน
จำนวน 21 จังหวัด 318บาทต่อวัน จำนวน 7จังหวัด 320บาทต่อวัน
จำนวน 14จังหวัด 325บาทต่อวัน จำนวน 7จังหวัดและ330บาทต่อวัน จำนวน 3จังหวัด ให้มีผลผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1เมษายน2561
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบเรื่องการขึ้นค่าแรงแล้ว แต่มาตรการทางการเงินการคลังก็ต้องออกมาช่วยดูแลช่วยเหลือด้านภาษีให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีต่างๆ
‘วันนี้ผมยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจระดับล่าง หลายผู้ประกอบการที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีแรงงงานต่ำกว่า 50คน ไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวจะทำอย่างไร ทุกคนก็กลัวจะเสียภาษี แต่ถ้าขึ้นบัญชีก็จะได้รู้ว่ามีอยู่เท่าไหร่ จะมีมาตรการมาช่วยได้ แต่ถ้าไม่ช่วยกันแบบนี้จะแก้อย่างไร’
นายกฯ กล่าวอีกว่า เอสเอ็มอีก็เหมือนกัน 3ล้านรายขึ้นทะเบียนไม่ถึง 1ล้านราย เพราะทุกคนกลัวภาษี ขณะเดียวกันก็อยากได้สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยเหลือ ถ้ามันไม่มีบัญชีจะช่วยอย่างไร กฎหมายว่าอย่างไร จะจ่ายเงินให้ใครได้ไหม ถ้าไม่มีใบกำกับภาษี หากรายได้ไม่ถึง ก็ไม่เสียอยู่แล้ว ก็ให้อยู่ในระบบ เป็นข้อมูลไว้ก่อนเท่านั้นเอง เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาในอนาคต อย่าให้เป็นอย่างเดิม ที่ทุกคนไม่มีข้อมูล ต่างคนต่างทำลงไป รัฐบาลก็ทำลงไป ข้าราชการก็ทำไม่ถูก ไม่รู้จะบังคับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นต้องทำทั้งสองฝ่าย เห็นใจรัฐบาลบ้าง เห็นใจข้าราชการบ้าง ที่เหน็ดเหนื่อยมหาศาลมา 3-4ปี เพราะต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่แน่นอนปัญหามันต้องเกิดขึ้น พอใจบ้างไม่พอใจบ้าง
‘อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับผม กับรัฐบาล คสช.ก็แล้วกัน จะพยายามทำอย่างเต็มที่ อะไรที่มันมีปัญหาอยู่บ้างผมก็ตอบรับทั้งหมด เพราะผมรับผิดชอบ แต่ขอให้เห็นใจบ้างในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ อย่าทำให้สิ่งนี้มากระทบกับสิ่งนี้ เราต้องแยกแยะเรื่องเหล่านี้ให้ออก ประเด็นของผมไม่ได้ทำแค่ตัวเรา ก็ขอเวลาให้ผมวางรากฐานประเทศอีกสักระยะหนึ่งก่อน มันจะมากจะน้อยก็เป็นไปตามกฎหมาย’พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
Cr.naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์