15 มิ.ย.62 – นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทั้งนักการเมือง, เจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ภายหลังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาตัดสินจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ รวมทั้งนักการเมืองในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐสังกัดกรมการค้าต่างประเทศ และกลุ่มเอกชนไปเมื่อปี 2560 ว่า ตามที่นายเทพสิทธิ์ รักไตรรงค์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง เคยแจ้งให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ทราบเมื่อเดือน ธ.ค. 2561 ว่าสำนวนคดีจาก อคส. จำนวน 246 คดี และจาก อ.ต.ก. จำนวน 89 คดี รวม 335 คดี ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ทั้งสองหน่วยงานขอให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีปกครอง ดำเนินการพิจารณาฟ้องเอกชนคู่สัญญาที่ผิดสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร และสัญญาตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร รวมมูลค่าหลายแสนล้านบาท เอกสารยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น
ปรากฏว่าตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 อคส. และ อ.ต.ก. ได้รวบรวมเอกสารและพยานหลักฐานเพิ่มเติมส่งกลับมาให้คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีปกครอง ซึ่งคณะทำงานอัยการคดีปกครองทยอยพิจารณาสำนวนกว่า 300 คดีอย่างต่อเนื่อง และได้ทยอยยื่นฟ้องคดีในนาม อคส. และ อ.ต.ก. ต่อศาลปกครองกลางแล้ว ซึ่งการฟ้องเรียกค่าเสียหายให้กับ อคส. และ อ.ต.ก.นี้ ขอให้สบายใจได้ว่าไม่เกิดความเสียหายในชั้นพนักงานอัยการกับปัญหาเรื่องอายุความดำเนินคดีแน่นอน อย่างไรก็ดี สำหรับคดีที่ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับกลุ่มเอกชนนั้นทยอยฟ้องไป อยู่ในระหว่างรอศาลไต่สวน ยังไม่มีคดีใดที่ศาลมีคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่อัยการยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งกับกลุ่มเอกชนนั้น ทยอยเข้าสู่ศาลปกครองกลางมาตั้งแต่ช่วงต้นปีนับ 100 คดี ซึ่งในส่วนสำนวนคดี อคส.ล่าสุดได้ยื่นฟ้องเพิ่มเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรณีบริษัทผิดสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2555 ซึ่งศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 1247/2562
ส่วนสำนวนคดี อ.ต.ก. ยื่นฟ้องเอกชนเพิ่มเติมด้วย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นคดีหมายเลขดำ 1248/2562 กรณีผิดสัญญาจ้างตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพชนิด และน้ำหนักข้าวสาร โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 กับอีกคดีล่าสุดยื่นฟ้องเพิ่มวานนี้ (14 มิ.ย.) ซึ่งศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 1260/2562
สำหรับการบังคับคดีทางแพ่งเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทน ทั้งในส่วนที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งทางปกครองบังคับคดีให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้มูลค่า 35,717,273,028.23 บาท (คดีอาญาถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งให้จำคุก 5 ปีไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไม่มีการยื่นอุทธรณ์)
และส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ชดใช้ 1,768,973,012.66 บาท (ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 42 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาหรือฮั้วประมูล โครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี คดีรอฟังผลอุทธรณ์), นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำนวน 2,242,571,739.68 บาท (ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 36 ปี ความผิดเดียวกัน คดีรอฟังผลอุทธรณ์), นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 40 ปี ความผิดเดียวกัน คดีรอฟังผลอุทธรณ์)
นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็น ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ (ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 32 ปี ความผิดเดียวกัน คดีรอฟังผลอุทธรณ์), นายอัครพงศ์ (หรืออัฐฐิติพงศ์) ช่วยเกลี้ยงหรือทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 24 ปี ความผิดเดียวกัน คดีรอฟังผลอุทธรณ์) ที่ถูกออกคำสั่งให้ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยรายละ 4,000 ล้านบาทนั้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ และกลุ่มผู้ได้รับคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดทั้ง 6 รายดังกล่าว ได้ยื่นฟ้องกลับ รมว.คลัง และกระทรวงการคลัง เป็นคดีปกครองต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ซึ่งในส่วนคำขอทุเลาการบังคับคดีนั้น ก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องทั้งหมด โดยส่วนคำฟ้องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และกลุ่มผู้ได้รับคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย ได้ขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองเรื่องการชดใช้ค่าสินไหนทดแทนนั้น ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองกลาง.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์