2 ก.ค.63 – นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุถึงกรณีที่คณะก้าวหน้าจัดกิจกรรม พฤษภา 35/53 ความจริงต้องปรากฏ ที่จบลงตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ซึ่งก่อนหน้านี้กิจกรรมดังกล่าว มีการจัดแคมเปญประชาสัมพันธ์โดยการฉายเลเซอร์ตามสถานที่ต่างๆ รอบกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 พฤษภาคม ทั้งนี้เวลาผ่านเกือบ 2 เดือนปรากฏว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นบริษัทให้เช่าเครื่องปั่นไฟ,บริษัทที่ให้ยืมอุปกรณ์ยิงเลเซอร์,คนขับรถ และช่างภาพอิสระที่ถ่ายภาพกิจกรรม ถูกหมายเรียกจากตำรวจ
โดยระบุผู้ฟ้องร้องคือ “กระทรวงกลาโหม” ฟ้อง “กลุ่มบุคคลที่นำเครื่องเลเซอร์ฉายภาพและข้อความต่างๆ หลายจุดในกรุงเทพมหานคร” โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 มาตรา 5
นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน ที่มีคุณค่าทางศิลปะและสร้างสรรค์ แต่ทางเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายความมั่นคงกลับมีความกังวล ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการข่มขู่ให้กลุ่มศิลปินหวาดกลัว แม้หมายที่ออกจะเป็นหมายเรียกพยาน แต่บ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ใช้วิธีออกหมายเรียกพยานเพื่อเรียกบุคคลไปสอบสวน แล้วตั้งข้อหาในภายหลัง โดยการสอบพยาน ผู้ถูกสอบจะเสียเปรียบ เนื่องจากไม่สามารถนำทนายเข้าไปร่วมฟังการสอบสวนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวพรรณิการ์กล่าวทิ้งว่า คณะก้าวหน้า มีความกังวลและเป็นห่วง ไม่อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการแสดงออกครั้งนี้ ได้รับความเดือดร้อน กลายเป็นกลุ่มบุคคลมีคดีความ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองว่าคดีจะกลายเป็นความผิดจริงหรือ ซึ่งการฉายเลเซอร์ไม่ได้เป็นการก่อให้เกิดความรำคาญหรือสร้างความเสียหายแก่สถานที่หรือทรัพย์สินใดๆ เป็นเพียงการแสดงออกทางศิลปะเพียงเท่านั้น ไม่ฝ่าฝืนเวลาเคอร์ฟิวแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าคณะก้าวหน้าในฐานะผู้ริเริ่มกิจกรรมพร้อมแสดงความรับผิดชอบ แลยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่ถูกหมายเรียกทุกคน