โยก‘สมชัย’ไปสศช.‘ประสงค์’เสียบปลัดคลังให้ป.พม.ออกจากราชการตั้ง‘เลขาสภาพัฒน์’แทนฟันกราวรูดโกงเงินคนจน
เชือด “ปลัด-รองปลัด พม.” ให้ออกจากราชการ เซ่นปมทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง ครม.โยก “ปรเมธี” เลขาธิการสภาพัฒน์นั่งเก้าอี้ปลัดพัฒนาฯสังคมแทน ด้านนายกฯชมเป็นคนเก่ง มีความสามารถ ปัดย้ายข้ามห้วยผลจากการทุจริตงบประมาณสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งของศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทำให้มีการโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าว
เมื่อวันที่ 10เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯออกจากราชการไว้ก่อน หลังมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากถูกตรวจสอบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตงบประมาณอุดหนุนช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งและผู้ป่วยโรคเอดส์ และต่อมาถูกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตดังกล่าว ชี้มูลจนนำไปสู่การถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้ย้ายนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาเป็นปลัด พม.แทน ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ นายกฯจึงให้มาช่วยเตรียมการพัฒนาเรื่องสังคมในอนาคต ทั้งเรื่องผู้สูงอายุและเด็ก เช่นเดียวกับนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม.ที่ถูกให้ออกจากราชการเช่นกัน ส่วนการตั้งคนนอกมานั่งตำแหน่งปลัด พมนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
“ปรเมธี”เสียบ-สมชัย”ไปสภาพัฒน์ฯ
ก่อนหน้านั้น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติตามที่รมว.พัฒนาสังคมฯเสนอให้โอนและรับโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนดังนี้ 1.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯขอรับโอน นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ขอรับโอน นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ พ้นตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
มีรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า หลังครม.มีมติย้ายนายสมชัย ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช.แล้ว มีกระแสข่าวระบุจะมีการแต่งตั้งนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังแทน
นายกฯอวยปรเมธีเก่ง-ปัดข้ามห้วย
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวถึงการโยกย้ายนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์ฯ) ไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯว่า รมว.พัฒนาสังคมฯเสนอมา โดยให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ นายณรงค์ คงคำ รองปลัดพม. และผู้ตรวจราชการอีกคนหนึ่งออกจากราชการไว้ก่อน ไม่มีเงินเดือน ถ้าอนาคตผลสอบไม่ผิดก็กลับมาได้
ผู้สื่อข่าวถามเหตุผลที่ตั้งนายปรเมธีมาเป็นปลัด พม.เหมือนเป็นการตั้งข้ามหน่วยงาน นายกฯกล่าวว่า “เขาเป็นคนเก่งไง ผมไว้ใจ ทำไม เขามีความสามารถ ทางพม.เสนอมา ผมก็พิจารณาหาคนที่เหมาะสมไว้วางใจได้ไปทำ ข้ามห้วยอะไร ก็ข้าราชการด้วยกันทั้งหมด”
ปัดใช้ม.44แก้โกง-จ่อล้างบางยกแก๊ง
พร้อมย้ำว่า ส่วนพวกที่ยังค้างอยู่จำนวนหนึ่งต้องสอบต่อ ไม่ใช่ลงโทษเพียงเท่านี้ ยังมีอีกมาก เรื่องการจ่ายเงินเป็นอย่างไรต้องมาแก้ไขกันหมด และจะทำให้เร็วขึ้น เมื่อมีการทุจริตก็ต้องทำให้ชัดเจนขึ้นทุกกระทรวง และอาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเสริมด้วย เช่น ป.ป.ท. เพราะมีอำนาจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาให้ตนใช้มาตรา 44 ใช้อำนาจปกติไป
ส่งหลักฐานโกงทุนเสมาฯให้ปปท.
สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อนำพยานหลักฐานเอกสาร พยานวัตถุทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยึดได้จากโต๊ะทำงานของนางรจนา สินที ข้าราชการซี 8 ภายในกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงพยานบุคคล ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนทุนเสมาฯ 2 คน ซึ่งสนิทกับนางรจนา และเป็นผู้ที่ถูกนางรจนาชักชวนไปเปิดบัญชีไว้เพื่อโอนเงิน เพื่อให้ป.ป.ท.สอบสวนเพิ่มเติม โดยมีพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. เป็นผู้รับเรื่อง
2พยานเผยรจนาขอชื่อเปิดบัญชี
นายอรรถพล กล่าวว่า พยานหลักฐานที่นำมามอบให้สอบสวนป.ป.ท.ต่อวันนี้ เนื่องจากมีหลักฐานและร่องรอยที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีการทุจริตเงินกองทุนเสมา ทั้งนี้ พยานทั้ง 2 คน ซึ่งเคยเปิดบัญชีให้นางรจนาจากการสอบปากคำเบื้องต้น ทั้งคู่ยอมรับว่าเป็นอดีตนักเรียนกองทุนเสมาฯเมื่อปี 2536 ต่อมาได้เข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างที่สำนักงานปลัด ศธ. ทำงานใกล้ชิดนางรจนา และเคารพนางรจนาเสมือนแม่ ก่อนหน้านี้ปี 2550 นางรจนาขอเลขบัญชี รวมถึงขอให้เปิดบัญชีให้ เพื่อโอนเงินเข้า
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า พยานทั้งคู่คิดว่าเป็นเงินทำธุรกิจของนางรจนา จึงยอมช่วย ทราบว่ามีเงินโอนเข้าเพียง 2-3 รายการ ยอดเงินหลักหมื่นบาท หลังจากนั้นนางรจนาก็นำสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไป จากนั้นพยานไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางบัญชีอีกเลย จนมีข่าวนางรจนาจึงไปติดต่อธนาคารตรวจสอบบัญชี จึงพบว่าถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ ก่อนมาพบเจ้าหน้าที่ ศธ.เพื่อให้ข้อมูล นอกจากนี้ จากการสืบสวน ยังพบว่ามีอดีตนักเรียนทุนอีกจำนวนหนึ่ง นางรจนาเคยขอให้เปิดบัญชี เพื่อรับโอนเงินทั้งหมด 7 ครั้ง เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท
ชง44รายชื่อแบ่ง4กลุ่มอมเงิน
สำหรับพยานหลักฐานที่นำมายื่นวันนี้ นายอรรถพลเปิดเผยว่า มีข้อมูลรายชื่อ 44 รายชื่อที่ตรวจสอบพบความเกี่ยวข้องแบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่มีความถี่ใน การโอนเงินกองทุนเสมาฯคือ นางรจนา และเครือญาติ 2.กลุ่มเพื่อนสมัยเรียนปริญญาโทของนางรจนา 3.กลุ่มนักเรียนที่ใกล้ชิดนางรจนา และนางรจนาอาศัยพึ่งพาหยิบยืมเงินและยอมให้บัญชีตัวเองกับนางรจนาเพื่อทำธุรกรรม และ 4 กลุ่มที่เชื่อมโยงกับมูลนิธิบางแห่ง เงินที่โอนกลับไปเข้าเจ้าของมูลนิธิ และจากข้อมูลปี 2558 พบเป็นมูลนิธิที่เคยไปทำกิจกรรมกับกระทรวงศึกษาธิการด้วย
เส้นทางโอนเงินกว่าพันรายการ
สำหรับข้อมูลการโอนเงินกองทุนเสมาฯที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 จนถึงพฤศจิกายน 2560 มีการโอนทั้งสิ้น 1,049 รายการ รวมเงิน 230 กว่าล้านบาท พบว่ามีรายการที่โอนไปยังบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองทุน 471 รายการ รวมเป็นเงินประมาณ 96 ล้านบาท ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องพบข้อมูลว่าเป็นบัญชีของใคร 34 บัญชี มีทั้งเป็นข้าราชการระดับ 8 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทำงานต่างจังหวัด 2-3 รายข้าราชการ กทม. กรมที่ดิน ทหาร รวมมีประมาณ 7 ราย ซึ่งทั้งหมดยังทำงานอยู่ และกลุ่มที่ชื่อเหมือนกับกลุ่มข้าราชการ ซึ่งต้องเรียกมาพิสูจน์บุคคลหลังจากนี้
ไล่ออกผอ.สามเสนรับแป๊ะเจี๊ยะ
อีกด้านหนึ่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัดศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กรุงเทพมหานครประชุม กศจ.กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงนายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรณีมีคลิป เรียกรับเงิน 4แสนบาทแลกกับการรับเด็กเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2560 หลังประชุม นายการุณแถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กศจ. มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 ต่อ 0 เสียง ให้นายวิโรฒ รับโทษวินัยร้ายแรง โดยไล่ออกจากราชการ มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และวันที่ 11 เมษายน จะออกหนังสือคำสั่งไล่ออกแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายวิโรฒน์ รับทราบผล ต่อไป
Cr.naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์