ชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาหลายพันคน อพยพหนีภัยการสู้รบและเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ของเมียนมา หลังจากเมื่อ 2 วันก่อน กลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาได้เข้าโจมตีสถานีตำรวจ 30 แห่ง และเกิดปะทะกับกองกำลังของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งเหตุสู้รบดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่
BBC – ชาวโรฮิงญาราว 3,000 คนพากันข้ามแนวพรมแดนเพื่อเข้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ในบังกลาเทศ โดยใช้เส้นทางแถบเมืองกุมดุม แต่บางส่วนถูกผลักดันกลับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศ แม้กลุ่มผู้ลี้ภัยจะได้ขอร้องต่อเจ้าหน้าที่ไม่ให้ส่งพวกตนกลับไปยังเมียนมาก็ตาม
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่เมืองบาลูกาลีของบังกลาเทศว่า ชาวโรฮิงญาบางรายที่หนีรอดจากการสู้รบบอกว่ากลุ่มติดอาวุธชาวพุทธใช้แท่งเหล็กและไม้เข้าตีขับไล่พวกเขาให้ออกจากบ้านเรือนไปยังชายแดน บางคนญาติมิตรถูกยิงสังหาร
มีรายงานว่ากองทัพรัฐบาลเมียนมาได้เข้าอพยพชาวพุทธและชาวยะไข่ที่ไม่ใช่มุสลิมราว 4,000 คนออกจากพื้นที่การสู้รบไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว หลังมีชาวบ้านถูกสังหารไป 6 ราย
ด้านสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกมีพระดำรัสว่า “มีข่าวที่น่าเศร้าเรื่องการประหัตประหารพี่น้องชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนา เราขอแสดงความใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาอย่างเต็มที่ ขอพระเจ้าทรงปกปักรักษาพวกเขา ชักนำให้ชายและหญิงผู้มีความปรารถนาดีช่วยเหลือพวกเขา และให้พวกเขาได้รับสิทธิอันควรได้อย่างเต็มที่”
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงดังกล่าวนับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง นับแต่เกิดเหตุปะทะในรัฐยะไข่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 นายเสียชีวิตในเหตุโจมตีจุดตรวจตามแนวชายแดนโดยกองกำลังมุสลิมโรฮิงญา เหตุการณ์นี้ทำให้ทางการเมียนมาดำเนินการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่แอบซ่อนอยู่อย่างหนัก ทำให้เกิดรายงานการใช้ความรุนแรง สังหาร และข่มขืนชาวโรฮิงญาหลายกรณี
สำนักข่าววิหคนิวส์