วันนี้ มีรายงานว่า จากกรณีที่กลุ่มราษฎรนัดประชาชนพร้อมกันที่แยกราชประสงค์ เพื่อผลักดันให้เกิดการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า – Progressive Movement ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย” โดยระบุว่า
…
“จะชอบ หรือไม่ชอบ แต่เราปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า มีคนจำนวนมากมองสถาบันกษัตริย์ไม่เหมือนที่รัฐไทยพยายามอยากให้มอง มากถึงขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่วนใหญ่ก็เป็นเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติด้วย”
.
“ที่ผ่านมามีเยาวชนอนาคตของชาติถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 เพียงเพราะพวกเขาพูดความจริงในสังคมไทย และมีบางส่วนที่แม้จะคิด แต่ไม่ได้พูด ไม่ได้แสดงออก เลยยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่หากสถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้ว มโนธรรมสำนึก ทำให้เขาต้องพูดความจริง ใครจะรู้ว่า คนคนนั้นจะเป็นใครต่อไป หรือจะเป็นลูกหลานของใครที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุกจากการพูดความจริง เมื่อมีคนจำนวนมากมองเห็นเช่นนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องปัญหาส่วนบุคคล แต่คือภาพใหญ่ในเชิงโครงสร้าง เป็นเรื่องของคนจำนวนมาก เป็นเรื่องของคนทั้งสังคม หากเป็นเช่นนั้นจะจับขังคุกอีกสักกี่คนก็ไม่สามารถหยุดสายธารของการเปลี่ยนแปลง และหยุดความคิดของพวกเขาไปได้ และที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า การใช้นิติสงคราม มาสร้างความกลัวเพื่อปิดปากไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับคนทั้งเจอเนอเรชั่น และคนจำนวนมากในสังคมไปด้วย” เพจคณะก้าวหน้าระบุ
.
เพจคณะก้าวหน้า ยังระบุอีกว่า
…
“ทางเดียวเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ได้ จึงไม่ใช่จับใครก็ตามไปขังไว้ในคุก และสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว แต่คือการต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับยุคสมัย และหลักการประชาธิปไตย แม้ว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จำเป็นต้องใช้พลังของคนเป็นวงกว้างทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เพื่อให้ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กลายเป็นความเห็นพร้องต้องกันของสังคม และการที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้นได้ ต้องมีรูปแบบการรณรงค์ และทำงานทางความคิดที่หลากหลาย ข้อเสนอต่อประเด็นกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะมาตรานี้มีปัญหาทั้งตัวบท การนำไปใช้ การตีความ และปัญหาในเชิงโครงสร้าง รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่รัฐบาลใช้ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง กฎหมายมาตรานี้จึงไม่ใช่แค่เป็นกฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดา แต่ยังเป็นภาพแทนของสถาบันกษัตริย์ นี่จึงไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ทางการเมือง และประเด็นแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย เราจึงได้เห็นปัญหา และความท้าทายมากมายในสังคมไทยจากกฎหมายอาญามาตรา 112”
.
นอกจากนี้ เพจคณะก้าวหน้ายังระบุต่อด้วยว่า
…
เพื่อให้การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็นไปได้ เพื่อให้กฎหมายอาญามาตรา 112 ถูกพูดคุยถกเถียงเป็นวงกว้าง เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่พูดคุยเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และเพื่อให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันใช้เสรีภาพในการแสดงออก เพราะทั้งหมดนี้จะทำให้สังคมไทยสามารถเดินออกจากวิกฤต ก้าวไปสู่การออกแบบอนาคตร่วมกัน และทำให้ทุกคนทุกฝ่ายทุกอุดมการณ์ความฝันอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
.
“ดังนั้น การเกิดขึ้นของราษฎรประสงค์ยกเลิก 112 จึงมีความสำคัญต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และทำให้ข้อถกเถียงเรื่องมาตรา 112 กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้พวกเราคณะก้าวหน้าจึงพร้อมเดินหน้าร่วมรณรงค์ ล่ารายชื่อให้ได้มากที่สุด และนำประสบการณ์ และองค์ความรู้จากการเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ มาสนับสนุนการทำแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าชื่อเสนอกฎหมายเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากตาม พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายฉบับใหม่ ประชาชน สามารถร่วมลงชื่อผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว โปรดติดตามเร็ว ๆ นี้” เพจคณะก้าวหน้า ระบุทิ้งท้าย
——————————-