ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #โอ๊คหลังพิงฝา DSIลั่นเร่งปิดเกมเชือด-เมินแผนยื้อสอบพยานเพิ่ม

#โอ๊คหลังพิงฝา DSIลั่นเร่งปิดเกมเชือด-เมินแผนยื้อสอบพยานเพิ่ม

16 December 2017
610   0

“ดีเอสไอ”เตรียมเรียกถกพนักงานสอบสวนร่วมกับอัยการ สอบคำให้การ”โอ๊ค”คดีฟอกเงินทุจริตกรุงไทย “ไพสิฐ”แบะท่าเมินคำร้องยื้อขอให้สอบพยานเพิ่ม ชี้ถ้าสำนวนพร้อมก็ไม่จำเป็น ย้ำเป็นคดีสำคัญต้องเร่งรัดตามนโยบาย ด้าน”วัฒนา”รีบโดดป้อง โวยแผนยัดข้อหา จับเป็นตัวประกันทางการเมือง

แนวหน้า – 15 ธ.ค.60 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินสืบสวนสอบสวน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินในคดีทุจริตการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษฎามหานครว่า ขณะนี้ได้รับเอกสารจาก นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก นายพานทองแท้ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นเอกสารประกอบการแก้ข้อหาและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับ นายพานทองแท้ รวมถึงมีการอ้างอิงพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบสวนขยายผลต่อไป

ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า คำร้องที่ นายพานทองแท้ โต้แย้งว่าตัวเองไม่มีความผิด และร้องขอให้สอบพยานเพิ่มอีกหลายปากอย่างรอบคอบนั้น เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ และมีน้ำหนักเพียงพอให้สอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งเร็วๆ นี้ จะมีการนำคำร้องมาพิจารณาในที่ประชุมร่วมกับพนักงานอัยการสูงสุด และพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่า คำให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาของ นายพานทองแท้ และพยานบุคคลที่อ้างอิงให้ดีเอสไอสอบสวนให้ครบถ้วนนั้น เป็นแฟ้มขนาดใหญ่ จึงต้องมีการเชิญประชุมพนักงานสอบสวนร่วมระหว่างอัยการและดีเอสไอ มาทำการตรวจสอบรายละเอียดในคำร้องของผู้ต้องหา ซึ่งหากในสำนวนการสอบสวนทำไว้ครบถ้วนรัดกุมแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสอบสวนซ้ำอีก

“ดีเอสไอดำเนินการทุกคดีไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร การสอบสวนทุกคดี ดำเนินการในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด นอกจากนี้คดีดังกล่าวถือเป็นคดีสำคัญ ที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.ยุติธรรม ได้กำชับให้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายคดีสำคัญเร่งด่วน” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัวหัวข้อ “โอ๊ค..ตัวประกันทางการเมือง” โดยระบุว่า “ผมกล้ายืนยันว่า การดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินกับนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายของนายกฯทักษิณมีจุดประสงค์ทางการเมือง โอ๊คถูกกล่าวหาว่าได้รับเงินจำนวน 26 และ 10 ล้านบาท ที่จ่ายจากบัญชีของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ เพื่อช่วยซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว จากสำนวนการไต่สวนของ คตส.เงิน 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คเพื่อฝากซื้อหุ้นแต่ยังไม่เคยถูกนำเข้าบัญชีของโอ๊คเพราะเช็คถูกยกเลิก โอ๊คไม่เคยได้รับเงินก้อนนี้ จึงไม่ครบเป็นองค์ประกอบความผิด ส่วนเช็คจำนวน 10 ล้านบาท โอ๊คได้รับมาเพื่อการลงทุนทางธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่ได้มาเพื่อช่วยปกปิดหรือช่วยซุกซ่อนแหล่งที่มาของเงิน เพราะเป็นจำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินกู้เกือบ 10,000 ล้านบาท อีกทั้งโอ๊คไม่มีเหตุผลที่จะไปช่วยปกปิดหรือซุกซ่อน เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย”

นายวัฒนา ระบุอีกว่า “พฤติกรรมในการดำเนินคดีคือเครื่องยืนยันว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะโอ๊คไม่เคยได้รับความเป็นธรรมมาตั้งแต่แรก เริ่มจากการสอบสวนซ้ำ เพราะเช็คทั้ง 2 ฉบับ ได้ถูก คตส.ไต่สวนและเห็นว่าไม่เป็นความผิดฐานฟอกเงินแล้ว แต่ดีเอสไอยังเอามาสอบสวนใหม่ จากนั้นตั้งข้อกล่าวหาเฉพาะโอ๊คและคนใกล้ชิด ทั้งที่มีบุคคลเกือบ 150 คน ที่ได้รับเงินแบบเดียวกับโอ๊ค แต่ก็มิได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพิ่งจะมาตั้งเรื่องสอบสวนใหม่เมื่อถูกนายวีระ สมความคิด ยื่นหนังสือร้องเรียน ส่วนการไปดีเอสไอของโอ๊คเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก็มีการนำเอาภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อทั้งที่เป็นความลับ ล่าสุดมีการออกข่าวว่าโอ๊คจะมาขอขยายเวลายื่นคำให้การ เพื่อให้เข้าใจว่าโอ๊คจะประวิงหรือถ่วงคดี แต่ทุกอย่างก็ผิดคาด เพราะโอ๊คมายื่นคำให้การก่อนกำหนด จากนี้ไปจึงเป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาและความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาตามคำให้การจนครบถ้วน หากคิดจะรวบรัดเอาง่ายเข้าว่า หรือคิดว่าเผด็จการจะอยู่ยั้งยืนยง ระวังจะตกเป็นจำเลยเสียเอง”

สำนักข่าววิหคนิวส์