แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ในคดีที่ถูกอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง ว่ามีความผิดตามคำฟ้องว่า ทักษิณ ในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมทุจริตการปล่อยกู้สินเชื่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มกฤษดามหานคร
เนื่องจากไม่มีหลักฐานชัดว่า ซูเปอร์บอส-บิ๊กบอส ที่มีการกล่าวอ้างในสำนวนการสอบสวนตั้งแต่ชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จนถึงชั้น ป.ป.ช. แล้วส่งไปถึงอัยการ ว่าบิ๊กบอสที่มีการสั่งการให้บอร์ดกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือกฤษดามหานครคือใคร ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง ทักษิณ
อย่างไรก็ตาม แม้ทักษิณจะรอดพ้นคดีปล่อยกู้กรุงไทย ทำให้สารบบคดีความของตัวเองไม่ต้องมีคดีความถูกศาลตัดสินลงโทษ และออกหมายจับเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคดี กระนั้นว่าไปแล้ว ต่อให้ทักษิณไม่รอดในคดีปล่อยกู้กรุงไทย ตัวทักษิณและคนในเครือข่ายก็มองออกว่ายังไงก็ยากที่ทักษิณจะกลับประเทศไทยหากไม่มีการนิรโทษกรรม ชำระสะสางทุกคดีความที่ทักษิณถูกศาลตัดสินจำคุกและถูกฟ้องให้หมดไปก่อน เพราะหากไม่เกิดกระบวนการดังกล่าว มันก็ยากที่ทักษิณจะกลับไทยได้
ด้วยเหตุนี้ แม้ศาลฎีกายกฟ้องทักษิณคดีกรุงไทย แต่ดูแล้วคงไม่ได้ทำให้ทักษิณและเครือข่ายตื่นเต้นแต่อย่างใด เพียงแต่ก็ทำให้อย่างน้อยชีวิตก็ไม่ต้องมีชนักติดหลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคดี
เพราะลำพังแค่ทุกวันนี้ ตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็มีชนักติดหลัง คดีความ หมายจับมากมาย ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ที่ตัดสินว่าทักษิณมีความผิด ไม่ว่าจะเป็น คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้กับรัฐบาลเมียนมา วงเงิน 4,000 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุก 3 ปี, คดี ป.ป.ช.ยื่นฟ้องกล่าวหาร่วมทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา เป็นต้น และระหว่างนี้กำลังรอการตัดสินคดีของศาลฎีกาฯ ในคดีถูกยื่นฟ้องกล่าวหาแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท
ทว่าเรื่อง คดีกรุงไทย ที่โยงถึงคนในครอบครัว ตระกูลชินวัตร ไม่ได้จบแค่ที่ทักษิณ เพราะแม้ทักษิณจะรอดไปแล้ว แต่ลูกชาย พานทองแท้ ชินวัตร พบว่าเวลานี้ ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในคดีที่เกี่ยวเนื่องมาจากการปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ก้อนเดียวกันกับที่ปล่อยให้กลุ่มบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ทำให้ทักษิณยังต้องลุ้นให้ลูกชายรอดพ้นความผิดในคดีดังกล่าว เพราะปรากฏว่า วันที่ 25 พ.ย.2562 นี้ ทางศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะอ่านคำพิพากษาคดีพานทองแท้ดังกล่าวแล้ว
แต่ก่อนหน้านั้น พานทองแท้ ในฐานะจำเลย ต้องไปปรากฏตัวที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เสียก่อน เพราะทางศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานคู่ความ คือฝ่ายอัยการและฝ่ายพานทองแท้ ในฐานะจำเลยสามวันติดกัน คือ 24-26 ก.ย. แล้วตามด้วยการอ่านคำพิพากษาที่ศาลได้นัดล่วงหน้าไว้ก่อนในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 10.00 น.
ด้วยเหตุนี้ “คดีปล่อยกู้กรุงไทย” จึงต้องลุ้นกันว่า เมื่อทักษิณรอดแล้ว พานทองแท้จะเป็นอย่างไร?
สำหรับมูลเหตุที่ทำให้พานทองแท้ถูกสอบสวนและถูกฟ้องเป็นจำเลยในชั้นศาลจะมีความแตกต่างจากของทักษิณ บิดา เนื่องจากพานทองแท้โดนเรื่องความผิดฐานฟอกเงิน หลังจากทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินส่งเรื่องให้ดีเอสไอสอบสวนและทำสำนวนสั่งฟ้องพานทองแท้ โดยการสอบสวนเอาผิดพานทองแท้เกิดจากการขยายผลมาจากคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เคยตัดสินคดีปล่อยกู้กรุงไทยฯ และมีการจำคุกอดีตบอร์ดกรุงไทยและผู้บริหารในเครือกฤษดามหานคร โดย ปปง.และดีเอสไอใช้วิธีการสอบสวน แกะรอยเส้นทางการเงิน ของผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายคนใกล้ชิดนายพานทองแท้ เช่น เครือญาติ คนใกล้ชิดของอดีตเลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แม่ของพานทองแท้ เป็นต้น รวมถึงแกะรอยเส้นทางการเงินของพานทองแท้ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงิน และการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ จนพบว่ามีธุรกรรมการเงินคือ มีเช็คสองใบ แยกเป็น 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ถูกสอบสวนคดีดังกล่าว โดยเฉพาะเข้าบัญชีพานทองแท้ ที่มีการทำธุรกรรมเมื่อ 17 พ.ค.2547 ที่มีการสั่งจ่ายเช็คธนาคารไทยธนาคาร จำนวน 10 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพของพานทองแท้ จนถูกยื่นฟ้องเอาผิดกลายเป็นจำเลยในชั้นศาลเวลานี้
ก่อนจะถึงวันพิพากษาคดีพานทองแท้ 25 พ.ย. วัฒนา เมืองสุข แกนนำเพื่อไทย หนึ่งในนักการเมืองคนใกล้ชิดทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องทักษิณ โดยเขาได้ระบุถึงตัว “พานทองแท้” ไว้ตอนหนึ่ง
“ลูกชายคนเดียวของนายทักษิณคือ นายพานทองแท้ ชินวัตร จึงถูกดีเอสไอลากเข้ามาเป็นตัวประกันด้วย โดยอ้างว่าเช็คจำนวน 10 ล้านบาทได้รับมาเป็นเงินค่าปากถุงจากการที่พ่อเป็นบิ๊กบอสสั่งให้อนุมัติเงินกู้รายนี้ จึงถูกฟ้องเป็นคดีฟอกเงิน ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริต”
และยังระบุอีกตอนหนึ่งว่า… “นายพานทองแท้ที่ได้รับเช็คมา 10 ล้านจากการลงทุนร่วมกันและคืนเงินให้แล้ว กลับถูกฟ้องเพียงคนเดียว โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 พ.ย.2562″
คดีปล่อยกู้กรุงไทย ทักษิณ ศาลฎีกายกฟ้องไปแล้ว แต่สำหรับ พานทองแท้ ยังต้องลุ้นว่าจะรอดหรือไม่รอด ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ที่ยังเป็นแค่คำตัดสินของศาลชั้นต้น ทุกอย่างก็จะได้รู้กันในวันนั้น หากไม่มีการเลื่อนออกไปเสียก่อนจากสาเหตุบางประการ!!!.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์