จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิจารณาคดีครั้งแรก (สอบคำให้การ) ในคดีหมายเลขดำที่ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
กรณีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับพวก ใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในขณะนั้นให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2554 โดยฟ้องเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยไม่เดินทางมาศาล แต่จำเลยตั้ง นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายวิญญัติ ชาติมนตรี เป็นทนายจำเลย
โจทก์แถลงว่า ปัจจุบันจำเลยไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดในทางการเมือง จึงไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยอีกต่อไป จำเลยมิได้มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง หรือร้องขอเลื่อนคดี จึงออกหมายจับจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 วรรคหนึ่ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ความว่า มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียวแล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ
“จากข่าวการออกหมายจับดิฉันจากการย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี มีประเทศไทยประเทศเดียวที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ย้ายข้าราชการคนเดียว แล้วถูกดำเนินคดี #ถูกกลั่นแกล้งไม่จบ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ