จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมพิจารณา สถานะความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท itv จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น โดยศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการพิจารณานานกว่า 2 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น.
ซึ่งผลการพิจารณามีมติรับคำร้องพิจารณาการสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. ของนายพิธา และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ไว้ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. นี้ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์นั้น
1. ตามพจนานุกรมและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 44 ญัตติหมายถึงข้อเสนอใดๆ ที่มีความมุ่งหมายให้สภาลงมติหรือชี้ขาดว่า จะให้ปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป การเสนอญัตติอาจเสนอด้วยปากเปล่า หรือทำเป็นหนังสือก็ได้ ดังนั้น “การเสนอชื่อนายพิธาเพื่อให้รัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงถือเป็นการเสนอญัตติตามรัฐธรรมนูญ”
2. อย่างไรก็ตาม ญัตติที่เสนอต่อสภา มี 2 ประเภท คือ ญัตติทั่วไป เช่น ญัตติขอให้สภาแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาหรือศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และญัตติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้โดยเฉพาะ เช่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 และ 152 เป็นต้น
3. สำหรับการเสนอญัตติทั่วไปของรัฐสภาจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับข้อ 41 กล่าวคือ ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในที่ประชุมเดียวกันหรือที่เรียกว่าเป็นญัตติซ้ำ
ส่วนการเสนอญัตติที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญจะบัญญัติถึงวิธีการยื่นและข้อจำกัดในการยื่นไว้ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เช่น
(1) ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 151 และ 152 รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องมี สส. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายและจะยื่นได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154
(2) ญัตติการเสนอชื่อนายพิธา อันเป็นญัตติเฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ประกอบมาตรา 159 นั้น รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อตามมาตรา 88 ของพรรคการเมืองที่มี สส. ไม่น้อยกว่า 25 คน และการเสนอชื่อต้องมี สส. รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 50 คน ซึ่งญัตติดังกล่าวนี้ รัฐธรรมนูญมิได้มีข้อจำกัดจำนวนครั้งในการยื่นเหมือนกับกรณีญัตติตามมาตรา 151 และ 152 ดังนั้น ญัตติการเสนอชื่อนายพิธาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงเสนอได้โดยไม่มีข้อจำกัดเพราะรัฐธรรมนูญมิได้จำกัดไว้ และไม่อาจใช้ข้อบังคับข้อ 41 ซึ่งใช้กับการยื่นญัตติทั่วไปมาใช้บังคับได้
ดังนั้น สมาชิกรัฐสภาที่เสนอชื่อนายพิธา รวมทั้งสมาชิกที่รับรองการเสนอชื่อจึงเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ สมาชิกดังกล่าวจึงมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำวินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและการลงมติของสมาชิกรัฐสภาจำนวน 394 คน ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 หรือไม่ นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย 20 กรกฎาคม 2566”..